อีกอึดใจเดียว Apple Watch ก็จะเข้ามาขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ให้หลายคนที่เฝ้ารอได้ยลโฉมและมีโอกาศครอบครองกันแล้ว บางท่านอาจจะมีรุ่นที่อยากได้อยู่ในใจแล้ว แต่บางท่านยังอาจจะคิดอยู่ว่าเอารุ่นไหนดี วันนี้เรามีรีวิว Apple Watch 2 รุ่น 2 สไตล์ ให้ได้ชมกัน ก่อนที่จะเปิดขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีรุ่น 38mm Stainless Steel Case with Black Classic Buckle และ 38mm Silver Aluminum Case with Green Sport Band
มาเริ่มที่ตัวแรกกันก่อนนั่นคือ 38mm Stainless Steel Case with Black Classic Buckle หรือแปลเป็นไทยตามหน้าเว็ปก็คือ ตัวเรือนสแตนเลสสตีล ขนาด 38 มม. พร้อมสายแบบ Classic Buckle สีดำ โดยจุดเด่นของรุ่นนี้็คือตัวเรือนที่ทำจากสแตนเลสสตีล และกระจกแซฟไฟร์ พร้อมทั้งสายหนังสีดำที่ดูเรียบง่ายแต่หรูหรา
ลักษณะของกล่องจะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีขาว เรียบ ๆ แพ็คเกจคล้ายกับ iPhone 6 โดยด้านบนจะมีตรา Apple และต่อด้วยคำว่า WATCH ด้านข้างกล่องจะบอกรุ่นและรายละเอียดของ Apple Watch
เปิดกล่องออกมาจะเจอกับกล่องพลาสติกสีขาวอีก 1 กล่อง
ยกกล่องออกมาจะพบกับสายชาร์ตที่มีขนาดยาวถึง 2 เมตร พร้อมกับอแดปเตอร์ และคู่มือ
มาดูเจ้ากล่องพลาสติกแข็งสีขาวดีกว่า ด้านบนมีสกรีนโลโก้ Apple
เปิดออกมาก็จะพบกับเจ้า Apple Watch นอนรอเราอยู่ (จริง ๆ จะมีพลาสติกหุ้ม แต่เนื่องจากตอนซื้อ แกะออกมาติดฟิล์มกระจกก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่ติดสวยกว่าเยอะ ตอนนั้นพลาด T_T)
มาดูตัวเรือนกันแบบเต็ม ๆ บ้าง
งานประกอบทำมาได้ดี สวยงาม ไม่เสียชื่อ Apple แม้แต่น้อย
Digital Crown ลื่นกว่าที่คิดไว้มาก พร้อมกับปุ่มด้านล่างที่ถอดแบบมาจากปุ่ม Sleep/Wake ของ iPhone ก็ว่าได้
อีกด้านนึงเป็นส่วนของลำโพง และไมค์
ด้านหลังสลักชื่อรุ่นอย่างเรียบร้อย พร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นหัวใจ
สายนาฬิกาสามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยการถอดนั้นไม่ยากเลย เพียงแค่กดที่ปุ่มเล็ก ๆ ที่ด้านหลังเรือน แล้วเลื่อนสายออกด้านข้าง
ถ้าคนที่ข้อมือไม่ใหญ่มาก หรือเป็นผู้หญิงคิดว่าขนาด 38 mm. จะเหมาะกว่า อีกอย่างเป็นความชอบส่วนตัวเพราะตัวเรือนจะออกสี่เหลี่ยมจัตุรัส ส่วนรุ่น 42 mm. จะเป็นสี่เหลี่นมผืนผ้า แต่แนะนำว่าให้ลองก่อนซื้อดีกว่า
มาต่อกับอีก 1 รุ่น คือ Apple Watch 38mm Silver Aluminum Case with Green Sport Band หรือเรียกว่ารุ่นตัวเรือนอะลูมิเนียม สีเงิน ขนาด 38 มม. พร้อมสายแบบ Sport Band สีเขียว โดยรุ่นนี้ตัวเรือนจะทำมาจากอะลูมิเนียม มีข้อดีตรงน้ำหนักจะเบากว่าสแตนเลส ส่วนกระจกจะเป็นแบบ Ion-X Glass เป็นกระจกชนิดเดียวกับที่ใช้ในหน้าจอ iPhone
กล่องของ Apple Watch Sport นั้นจะมาในรูปแบบกล่องยาว และด้านข้างมีบอกรายละเอียดรุ่นนั้น ๆ ด้านบนสกรีนเป็นลายโลโก้ Apple แล้วต่อด้วยคำว่า WATCH
ด้านในจะแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนกล่องของนาฬิกา ส่วนคู่มือและสายสำรอง สุดท้ายคือสายชาร์ตที่มีขนาดยาว 2 เมตร พร้อมกับอแดปเตอร์
ส่วนของคู่มือจะอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ดึงออกมาจะมีสายขนาด M/L ไว้ให้เปลี่ยนด้วย เผื่อใครข้อมือใหญ่หน่อย
มาดูกล่องนาฬิกากันบ้าง เป็นกล่องพลาสติกแข็งสีขาว ด้านบนมีโลโก้ Apple เรียบ ๆ แต่ดูดี
เปิดกล่องออกมาจะพบเจ้า Apple Watch นอนรออยู่
ออกมาโชว์ตัวกันหน่อย
ด้านขวาประกอบด้วย Digital Crown และ ปุ่มด้านล่างเช่นเดียวกับตัวแรก
อีกด้านเป็นส่วนของลำโพง และไมค์
ด้านหลังสลักรุ่น รวมถึง Serial ก็จะสามารถเช็คได้จากตรงนี้ โดยมีเช็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจเช่นเดียวกัน
การถอดสายสามารถทำได้เช่นเดียวกันโดยกดตรงปุ่มด้านหลังแล้วเลื่อนสายออกด้านข้าง โดยสายสามารถใช้ด้วยกันได้ทุกรุ่น
ด้านหลังพลาสติกที่หุ้มสาย จะมีบอกวิธีการใส่อยู่ด้วย โดยสายจะสอดไปด้านหลัง
ลองใส่แล้วน้ำหนักค่อนข้างเบากว่ารุ่นสแตนเลสเยอะพอสมควร แต่รุ่นนั้นจะดีตรงที่รู้สึกว่าแข็งแรงกว่า ตัวสายนิ่ม ใส่สบาย
เปรียบเทียบเฉพาะตัวเรือน 2 รุ่น ระหว่างตัวเรือนสแตนเลส และอลูมิเนียม (เรือนสแตนเลสติดฟิล์มกระจกอยู่)
สุดท้ายนี้ใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้แนะนำให้ไปลองของจริง ส่วนใครตัดสินใจได้แล้วก็ซื้อโลด 🙂