yugioh2500
Avantalk หลาย ๆ คนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูซักเท่าไหร่นัก เนื่องจากในประเทศไทยไม่ค่อยมีคนทำตลาดซักเท่าไหร่ แต่ในต่างประเทศโดยเฉพาะโซนยุโรปแล้ว ชื่อ Avantalk จะเป็นที่คุ้นหูมากโดยเฉพาะอุปกรณ์ Bluetooth ไร้สายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหูฟัง คีย์บอร์ด หรืออื่น ๆ ซึ่งในวันนี้เป็นที่น่ายินดีที่ Avantalk มีการทำตลาดในเมืองไทยแล้ว พร้อมทั้งในวันนี้ผมจะขอแนะนำอุปกรณ์ดี ๆ ตัวหนึ่ง ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเพราะมันคือ “หูฟังกันน้ำ” ที่เป็น Bluetooth ในตัวด้วย สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย ซึ่งแน่นอนว่าอุปกรณ์ประจำเว็บเราก็คือ iPod, iPhone และ iPad ซึ่งในวันนี้เราจะมารีวิวกัน รับรองว่าถูกใจขาสปอร์ตหรือคนชอบออกกำลังกายอย่างแน่นอน
“Avantalk Jogger” สามารถหาซื้อได้ตาม iStudio สาขา เอสพานาด, เซ็นทรัลพระราม 9, เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ, ซีคอนแสควร์, ร้าน Loft ทุกสาขา, Betrend สาขา สยามพารากอน, เดอะมอลล์ท่าพระ และ @shop Siam Discovery ในราคา 2,250 บาท
หรือใครสะดวกช็อปออนไลน์(เหมือนผม)ก็สามารถสั่งได้ที่ hiphonecarkit.com
หน้ากล่องระบุอย่างชัดเจนว่าสามารถกันน้ำได้ (Water Resistant) แต่ไม่ได้หมายถึงว่าเอาไปว่ายน้ำเล่นได้นะ แค่กันละอองฝนหรือเหงื่อเวลาเราออกกำลังกายเท่านั้น และที่สำคัญคือ “มันสามารถใช้สนทนาได้ด้วย”
แพคเกจดูแบบเชย ๆ ครับ ไม่ค่อยมีอะไรมาก มีหูฟังให้เห็นอย่างเด่นชัด ส่วนสเปคของ Avantalk Jogger นั้นรองรับ Bluetooth Version 2.1+ EDR ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด ระยะการใช้งานประมาณ 10 เมตร คุณภาพเสียงมาตรฐาน Stereo รองรับ A2DP, AVRCP, Headset และ Handfree ใช้งานได้ทั้งสนทนามือถือ ฟังเพลงจาก MP3, iPhone, iPad, iPod หรือต่อเชื่อมกับ PC, Notebook รวมไปถึงการเล่นเกมส์ Chat, MSN และ Skype หรืออื่น ๆ
เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นอุปกรณ์ส่งออกยุโรป ที่มีฐานผลิตในประเทศจีน ดังนั้นเรื่องคุณภาพก็ต้องเป็นมาตรฐานยุโรปแน่นอน ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว ซึ่งก็คือ 1 ปีจากผู้นำเข้านั่นเอง
ส่วนประกอบและฟังก์ชั่นของ Avantalk Jogger สามารถใช้เพื่อปรับเสียงหรืออื่น ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับไมค์จะอยู่ด้านขวาภายใน สามารถสนทนาได้ชัดเจน โดยไม่ต้องแหกปากดัง ๆ ส่วนมาตรฐานการกันน้ำจะอยู่ที่ IPX4
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อน IP (Index of Protection) ถูกกำหนดโดยมาตรฐาน IEC 60529 และมอก 513-2527 โดยรหัสเลขตัวแรกจะบอกความ สามารถในการป้องกันอันตรายจากของแข็ง รหัสเลขตัวที่สองจะบอกความสามารถในการป้องกันอันตรายจากของเหลว (ซึ่งในอุปกรณ์ของเราวันนี้คือ IPX4)
รหัสตัวแรก สามารถป้องกันของแข็ง (โดยของเราคือ “X” ไม่มีการทดสอบ)
0 = ไม่มีการป้องกัน
1 = สามารถป้องกันของแข็งที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 50 มม. ที่มากระทบไม่ให้ลอดเข้าไปข้างในได้
2 = สามารถป้องกันของแข็งที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 12 มม. ที่มากระทบไม่ให้ลอดเข้าไปข้างในได้
3 = สามารถป้องกันของแข็งที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 2.5 มม. ที่มากระทบไม่ให้ลอดเข้าไปข้างในได้
4 = สามารถป้องกันของแข็งที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 1.0 มม. ที่มากระทบไม่ให้ลอดเข้าไปข้างในได้
5 = สามารถป้องกันฝุ่นได้
6 = สามารถป้องกันฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์
รหัสตัวที่สอง สามารถป้องกันของเหลว (โดยของเราคือ “4” ป้องกันน้ำสาดได้ทุกทิศทาง)
0 = ไม่มีการป้องกัน
1 = สามารถป้องกันน้ำที่ตกลงมาในแนวดิ่งได้
2 = สามารถป้องกันน้ำที่ตกลงมาในแนวดิ่ง และในแนวที่ทำมุม ไม่เกิน 15 องศากับแนวดิ่งได้
3 = สามารถป้องกันน้ำที่ตกลงมาในแนวดิ่ง และในแนวที่ทำมุม ไม่เกิน 60 องศากับแนวดิ่งได้
4 = สามารถป้องกันน้ำที่สาดมาจากทุกทิศทางได้
5 = สามารถป้องกันน้ำที่ถูกฉีดมาตกกระทบในทุกทิศทาง
6 = สามารถป้องกันน้ำฉีดอย่างแรงเข้าทุกทิศทาง
7 = สามารถป้องกันน้ำท่วมชั่วคราวได้
8 = สามารถป้องกันน้ำเมื่อใช้งานอยู่ใต้น้ำ
สำหรับสีมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ตามแต่ความชอบของแต่ละคน คือ ขาว, แดง, ฟ้า และดำ ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าสีดำน่าจะดูดีและเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด
“เหงื่อ” เรื่องที่หลาย ๆ คนมองข้าม การออกกำลังกายนั้น โดยเฉพาะการวิ่งจะทำให้เหงื่อออกบริวเณใบหูจำนวนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดการลัดวงจรในหูฟัง ทำให้อุปกรณ์เสียหายในที่สุด ซึ่งบางคนแก้ไขด้วยวิธีการใช้หูฟังถูก ๆ ซึ่งมันไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหาเลย
อุปกรณ์ที่แถมมาก็มีหูฟัง Avantalk Jogger สายชาร์จ USB ซองเก็บอุปกรณ์ และจุกหูฟังให้ปรับถึง 2 ขนาด เป็นยางครอบอีกทีเพื่อป้องกันน้ำเข้าตรงบริเวณส่วนของลำโพงในหูฟัง
จุกครอบหูฟังอีกทีหนึ่ง มีประโยชน์สองประการคือ 1. ป้องกันน้ำหรือเหงื่อเข้าด้านใน 2. ช่วยให้เสียงเข้าหูเราได้ดีขึ้นและลดเสียงรบกวนภายนอก แต่ดีไซน์ดูแล้วค่อนข้างที่จะแข็งทื่อไปนิด (แต่ไม่เป็นไรก็ไม่มีคนเห็นอยู่แล้วนี่)
ไฟแสดงสถานะการใช้งาน รวมถึงการชาร์จ การจับข้อมูล ซึ่งมันมีสีฟ้าและสีแดง ยังไงลองตรวจสอบจากคู่มืออีกทีหนึ่ง เช่นถ้าเปิดเครื่องสีฟ้าจะกระพริบ 2 ครั้ง และหากกำลังสนทนาไฟจะกระพริบทุก 2 วินาทีเป็นต้น โดยอุปกรณ์สามารถจับคู่ได้ถึง 7 คู่ด้วยกัน ซึ่งต้องจับคู่อุปกรณ์เครื่องแรกด้วยวิธีปกติก่อน หลังจากนั้นให้กดปุ่มซ้าย-ขวาค้างปุ่มควมคุมตรงกลางค้างไว้จนกระทั้งไฟกระพริบเป็นสีแดงหลาย ๆ ครั้งติดกันแล้วจึงค่อยให้เลือกอุปกรณ์ที่ต้องการจับหูกับหูฟังทันที (อุปกรณ์สามารถจำได้สูงสุดถึง 7 เครื่อง)
ชื่ออุปกรณ์จะสังเกตุได้ง่ายมากคือ Avantalk Jogger ซึ่ง Pair แค่ครั้งเดียวก็สามารถใช้งานได้ตลอด โดยสามารถใช้งานได้ทั้งกับ iPhone, iPod, iPad หรือจะเป็นมือถือรุ่นอื่น ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่ง PC (ที่มี Bluetooth), Notebook ได้หมดเลย
สเปคของ Avantalk Jogger ก็คือ
- Bluetooth เวอร์ชั่น 2.1+EDR, A2DP, AVRCP
- ระยะหวังผลการใช้งานอยู่ที่ 10 เมตร
- สนทนาต่อเนื่อง 9 ชั่วโมง หรือ ฟังเพลง 8 ชั่วโมง
- เปิดใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 16 วัน
- น้ำหนัก 23 กรัม
- ขนาด 85 x 72 x 25.5 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
- แบตเตอรี่ 170mAh
- รับประกัน 1 ปี
หลังจากผมใช้งานและสนุกกับมันมาทั้งวันยาวกว่า 8 ชั่วโมงก็ถึงเวลาชาร์จแล้วครับ สามารถใช้ชาร์จผ่าน USB ได้เลย จะผ่าน PC หรือว่าปลั๊กของ Smart Phone ก็ได้ ซึ่งในที่นี่ผมต่อกับ Extranal Battery ครับ
สรุป : จากการที่ได้ทดสอบมาทั้งวันเต็ม ๆ แม้ผมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย แต่ก็คิดว่าตัวนี้น่าจะเหมาะกับคนชอบออกกำลังกายมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหรือเล่นกีฬาอื่น ๆ สาเหตุก็คือมันเป็น Bluetooth ทำให้ไม่มีสายเกะกะ ส่วนหูฟังเป็นแบบครอบหลังหูและมีน้ำหนักเบา ไม่ว่าเราจะวิ่งจะกระโดดหรือทำอะไรก็ไม่หลุด ทำให้เหมาะกับการใช้งานมากกว่า อีกทั้งยังกันน้ำฝนกันเหงื่อจากการออกกำลังการอีกด้วย ถ้าใครชอบออกกำลังกายลองได้ใช้งานและจะชอบครับ รู้สึกเป็นอิสระมากกว่าหูฟังแบบสายจริง ๆ
ขอขอบคุณ : บริษัท เจ.อี.ดับบลิว แมนแนจเม้นท์ จำกัด ที่เอิ้อเฟื้อสินค้าคุณภาพมาให้ทีมงานได้ทดสอบ หากท่านสนใจสินค้าตัวที่ทีมงานรีวิวนี้สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ ที่นี่ หรือตาม iStudio สาขา เอสพานาด, เซ็นทรัลพระราม 9, เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ, ซีคอนแสควร์, ร้าน Loft ทุกสาขา, Betrend สาขา สยามพารากอน, เดอะมอลล์ท่าพระ และ @shop Siam Discovery ในราคา 2,250 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.hiphonecarkit.com หรือ 0-2444-1679
