รีวิวหูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวน EDIFIER NeoBuds Pro ที่มาพร้อมคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res เสียงดี เบสนุ่ม และยังมี Game Mode และ Ambient Sound ราคา 3,990 บาท
EDIFIER NeoBuds Pro หูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวน ANC เสียงดี เบสนุ่ม คุณภาพเสียงระดับ Hi-Res
ไฮไลท์ ของหูฟังไร้สาย EDIFIER NeoBuds Pro
- รองรับการฟังเพลงคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res
- มีโหมดตัดเสียงรบกวน ANC เลือกใช้ได้ 2 ระดับ
- มาพร้อมโหมดฟังเสียงรอบข้าง (Ambient Sound)
- ใช้ไดร์เวอร์แบบ Hybrid ประกอบด้วย Custom Design Dynamic Driver และ Knowles Balanced Armature
- มีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน 6 ตัว
- มี Game Mode เพื่อลดความดีเลย์ของเสียงระหว่างเล่นเกม
- กันเหงื่อและฝุ่นระดับ IP54 ใส่ออกกำลังกายได้
- เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 รองรับทั้งอุปกรณ์ iOS และ Android
- แบตเตอรี่ใช้ได้ 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และใช้ได้รวมสูงสุด 24 ชั่วโมง
- รองรับแอปพลิเคชัน Edifier Connect ปรับตั้งค่าหูฟังด้วยตัวเองได้ภายในแอป
วิดีโอรีวิว EDIFIER NeoBuds Pro
สิ่งที่ให้มาในกล่อง
- หูฟัง EDIFIER NeoBuds Pro และกล่องชาร์จ
- จุกหูฟังสำหรับเปลี่ยน 7 คู่ ที่มีขนาดแตกต่างกัน
- คู่มือการใช้งาน
- สายชาร์จ USB-A to USB-C
- ถุงเก็บหูฟังสำหรับพกพา
ดีไซน์
หูฟังมาในกล่องชาร์จขนาดกะทัดรัด ตัวกล่องเป็นพลาสติกแบบด้านสีดำ เกิดรอยขีดข่วนได้ยากกว่าวัสดุแบบอื่น ๆ ด้วยความที่เป็นวัสดุแบบด้าน ทำให้ตอนที่หยิบจับจะไม่มีรอยนิ้วมือติดที่กล่อง ทำให้กล่องชาร์จดูใหม่อยู่ตลอดเวลา
ที่กล่องชาร์จมีการแปะแผ่นอลูมิเนียมยิงโลโก้ EDIFIER ให้ความรู้สึกเรียบหรูและดูเท่ เวลาเปิดกล่องชาร์จขึ้นมาจะมีไฟ LED สีแดงกระพริบ วิ่งไปมาที่บริเวณหน้ากล่องชาร์จ
ด้านหลังกล่องชาร์จจะมีพอร์ตชาร์จ Type-C สำหรับการชาร์จไฟ
ดีไซน์ของตัวหูฟังทั้งสองข้าง บริเวณก้านของหูฟัง ดีไซน์โฉบเฉี่ยว หูฟังเป็นสีดำและคาดหูฟังด้านนอกด้วยสีเทาด้านพร้อมโลโก้ EDIFIER ตัวหูฟังหยิบออกมาจากกล่องได้ง่าย
จุกของหูฟังเป็นสีดำ เป็นซิลิโคนที่มีคุณสมบัติพิเศษ ที่เรียกว่า Germ-proof ที่ป้องกันแบคทีเรียได้สูงสุดถึง 99.8%
การสวมใส่
หลังจากที่ได้ลองใช้หูฟัง EDIFIER NeoBuds Pro ในการฟังเพลงแล้ว รู้สึกว่าหูฟังใส่สบายมาก ๆ ตัวหูฟังมีน้ำหนักเบา แถมมีจุกหูฟังให้เปลี่ยนตามขนาดหูของเรา ทำให้สวมใส่กระชับหู เวลาที่เคลื่อนไหว วิ่ง ก้ม เงย หูฟังก็ยังติดหู กระชับกับหูได้ดี
เมื่อใส่หูฟังเป็นเวลานาน ไม่รู้สึกอึดอัดหรือเจ็บหูเลย สามารถใส่ฟังเพลง ดูหนัง คุยโทรศัพท์ หรือเล่นเกมได้ยาว ๆ
ตัวหูฟัง มีมาตรฐานการกันเหงื่อและฝุ่นระดับ IP54 สามารถใส่ออกกำลังกายได้สบาย
การเชื่อมต่อ
ด้วยเทคโนโลยี Bluetooth 5.0 ทำให้หูฟัง EDIFIER NeoBuds Pro เชื่อมต่อง่าย ถ้าเราจับคู่หูฟังกับโทรศัพท์ของเราเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว เพียงเปิดเคสชาร์จขึ้นมาหูฟังก็พร้อมใช้งานทันที
สำหรับการเชื่อมต่อครั้งแรก ให้กดปุ่มตรงกลางกล่องชาร์จค้างไว้ประมาณ 3 วินาที จะพบกับชื่อหูฟัง “EDIFIER NeoBuds Pro” จากนั้นก็แตะที่ชื่อของหูฟังเพื่อเชื่อมต่อและใช้งานได้เลย
คุณสมบัติด้านเสียง
หูฟัง EDIFIER NeoBuds Pro รองรับ codec ระดับ Hi-Res อย่าง LHDC (ความละเอียดเทียบเท่า LDAC) ทำให้เราสามารถฟังเพลงที่มีความละเอียดสูงในแอปสตรีมมิ่งต่าง ๆ ที่อยู่บนสมาร์ตโฟนอย่างเช่น แอป Tidal แบบ Hi-Fi หรือแอป Apple Music แบบ Lossless ได้ ให้ประสบการณ์การฟังเพลงที่มอบรายละเอียดเสียงที่ดีกว่าไฟล์เพลงทั่วไป ถูกใจคนที่ชอบฟังเพลง และหลงใหลในเรื่องของเสียงแน่นอน
การแตะควบคุมหูฟัง
หูฟัง EDIFIER NeoBuds Pro รองรับการแตะสัมผัสบริเวณก้านของหูฟังทั้งสองข้าง เพื่อใช้สั่งการและควบคุมหูฟัง โดยค่าเริ่มต้นที่โรงงานได้ตั้งค่ามา สามารถแตะควบคุมได้ดังนี้
- เมื่อมีสายเรียกเข้า แตะ 2 ครั้งที่หูฟังด้านซ้ายหรือขวา เพื่อรับสายหรือวางสาย
- แตะ 2 ครั้งที่หูฟังด้านซ้ายสองครั้ง เพื่อเปลี่ยนโหมด โดยจะเป็นการสลับระหว่างโหมด ANC และ Ambient Sound ระหว่างที่แตะเพื่อเปลี่ยนโหมดจะมีเสียงแจ้งเตือนในแต่ละโหมดเพิ่มความสะดวก
- แตะ 2 ครั้งที่หูฟังด้านขวาสองครั้ง เพื่อเล่นหรือหยุดเล่นเพลง
- แตะ 3 ครั้งที่หูฟังด้านซ้ายสามครั้ง เพื่อเปิด Game Mode
- แตะ 3 ครั้งที่หูฟังด้านขวาสามครั้ง เพื่อเล่นเพลงถัดไป
นอกจากนี้เรายังสามารถเข้าไปปรับแต่งการสั่งการอื่น ๆ อย่างเช่น การลดเสียงและเพิ่มเสียง การเล่นเพลงก่อนหน้าและเล่นเพลงถัดไป หรือการเรียกผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง Siri ก็สามารถเข้าไปปรับแต่งการสัมผัสควบคุมได้ภายในแอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Edifier Connect
แอปพลิเคชัน Edifier Connect
แอป Edifier Connect เป็นแอปสำหรับหูฟัง Edifier โดยเฉพาะ โดยในแอปจะมีการบอกเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ของหูฟังทั้งสองข้าง รวมถึงบอกระดับแบตเตอรี่ของตัวกล่องชาร์จด้วย เวลาที่ใช้งานก็สามารถเช็คแบตเตอรี่จากในแอปได้เลย
ภายในแอป Edifier Connect นั้น เราสามารถเลือกปรับโหมดต่าง ๆ ได้ง่าย ไม่ว่าเป็นโหมดตัดเสียงรบกวน (ANC) ที่สามารถเลือกใช้ได้ถึง 2 ระดับ ได้แก่ ระดับ High Noise Cancellation ที่ตัดเสียงรอบข้างแบบสูงสุด และระดับ Low Noise Cancellation ที่จะช่วยตัดเสียงรอบข้างระดับกลาง ยังคงได้ยินเสียงภายนอกอยู่นิดหน่อย
นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกใช้โหมด Ambient Sound หรือโหมดฟังเสียงรอบข้างได้ด้วย โดยโหมด Ambient Sound สามารถเลือกได้ 3 ระดับ ได้แก่ระดับ 1 2 และ 3 โดยจะดูดเสียงภายนอกเข้ามาที่หูฟังดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามระดับที่เราเลือกใช้
ส่วน Normal Mode จะเป็นโหมดปกติ ใช้งานในตอนที่ไม่มีเสียงดัง ใช้ตอนดูหนัง ฟังเพลงสบาย ๆ อยู่ในบ้าน
เรายังสามารถปรับแต่งโทนเสียง ปรับเลือกโทนเสียงได้ 2 แบบ ได้แก่ Dynamic เหมาะกับการฟังเพลงที่กระหึ่ม เน้นเสียงเบสมันส์ ๆ และแบบ Classic เหมาะสำหรับการฟังสบาย ๆ หากไม่ชอบเสียงเบสหนักก็เลือกเป็นโทนเสียงนี้ได้ นอกจานี้ยังสามารถปรับแต่ง EQ ตามชอบได้เลย
ในแอปยังสามารถเลือกเปิด หรือ ปิด Game Mode ได้ โดยโหมดนี้จะเหมาะสำหรับการเล่นเกม เพราะจะช่วยลดการดีเลย์ของเสียงจากตัวเกม สามารถใส่เล่นเกมประเภท Shooter Game เช่น Freefire, Call of Duty และ PUB G ได้
ในแอปยังสามารถปรับแต่งการแตะสัมผัสเพื่อควบคุมหูฟัง และปรับแต่งความไวในการแตะสัมผัส (Tap sensitivity) ของตัวหูฟังได้ด้วย บางคนอาจจะถนัดกับการแตะไว ๆ บางคนอาจจะถนัดกับการแตะช้า ๆ ก็ให้เลือกปรับตามความชอบได้เลยค่ะ
คุณภาพเสียง
ด้วยไดร์เวอร์แบบ Hybrid ที่ประกอบไปด้วย Custom Design Dynamic Driver และ Knowles Balanced Armature เสียงของหูฟัง EDIFIER NeoBuds Pro นั้นให้มิติเสียงที่ดี เสียงใส เคลียร์ ฟังชัดทุกย่านเสียง เสียงเบสนุ่ม ฟังสบาย แต่ก็ยังมีความคมอยู่ เมื่อลองใช้ฟังเพลงเป็นเวลานาน ๆ ให้ความรู้สึกว่าสามารถฟังต่ออีกได้เรื่อย ๆ เพราะเสียงที่ออกมาจากตัวหูฟังมีความกลมกล่อมมาก
ในเรื่องของเสียงระหว่างดูหนังก็ทำได้ดี เสียงไม่ดีเลย์ ในตอนที่มีเสียงแบบกระหึ่ม ตัวหูฟังก็ให้เสียงที่กระหึ่มแต่ไม่กระแทกหู
ส่วนเรื่องการเล่นเกมพบว่า เสียงที่ได้ระหว่างเล่นเกมมีความดีเลย์น้อยมาก ๆ ถือว่าใส่เลนเกมได้ดี เล่นเกมได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเกม MOBA หรือเกมแนวยิงปืน
ความสามารถในการตัดเสียงรบกวน และการฟังเสียงภายนอก
หากเลือกจุกหูฟังให้พอดีกับขนาดของหู พร้อมกับการเปิดใช้งานฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนแบบ High Noise Cancellation ในห้องที่มีเสียงคนพูดคุยในระดับเสียงปกติ พบว่าหูฟังสามารถตัดเสียงรบกวนที่เป็นเสียงพูดของคนอื่นได้ค่อนข้างดี สามารถโฟกัสกับสิ่งที่กำลังฟังอยู่ได้ดีมาก
ส่วนโหมดตัดเสียงรบกวนแบบ Low Noise Cancellation เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน จะได้ยินเสียงภายนอกชัดขึ้นมาอีกระดับนึง ได้ยินเสียงการพูดคุย แต่ไม่ดังมาก ก็ถือว่ายังโฟกัสกับสิ่งที่กำลังฟังได้ดีอยู่
โหมดตัดเสียงรบกวนทั้งสองระดับ สามารถตัดเสียงของเครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศภายในห้อง เสียงแป้นพิมพ์ในออฟฟิศได้เป็นอย่างดี
ในเวลาที่เปิดใช้งานโหมด Ambient Sound เพื่อฟังเสียงภายนอก เสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงที่มีความเป็นธรรมชาติ เสียงไม่ก้อง ไม่แสบหู ถือว่าทำได้ดีมาก แนะนำให้รับชมคลิปรีวิวสำหรับการทดสอบประสิทธิภาพทางด้านการตัดเสียง
ไมโครโฟน
หูฟัง EDIFIER NeoBuds Pro ให้ไมโครโฟนมา 6 ตัว เวลาที่ใช้คุยโทรศัพท์ พบว่าปลายสายได้ยินเสียงพูดของเราชัดถ้อยชัดคำ เสียงเคลียร์ใส แต่รู้สึกว่าเสียงพูดที่ปลายสายได้ยินจะเบานิดนึง ปลายสายอาจจะต้องเพิ่มเสียงของเราขึ้นมา 1-2 ระดับถึงจะได้ยินชัดเจน
การใช้งานในการคุยโทรศัพท์หรือ LINE ได้ทีละข้างอย่างอิสระได้เลยถือว่าสะดวกเลย และระยะเวลาการพูดคุยก็ทำได้นานระดับเดียวกับ AirPods เลย ถ้าเราคิดว่าต้องคุยสายต่อเนื่อง 2-3 ชั่วโมงบอกเลยว่าเอาอยู่มาก ๆ
ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนได้ดีระดับนึง ปลายสายยังได้ยินเสียงรอบข้างอยู่ แต่เสียงพูดของเราก็ยังอยู่ในระดับที่ดังกว่าเสียงรอบข้าง ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี
การใช้งานไมโครโฟนในสถานที่ปิดนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน แถมตัวหูฟังยังใส่สบาย ทำให้คุยโทรศัพท์หรือใช้ในการเรียนหรือประชุมออนไลน์ที่ต้องใช้เสียงในการสนทนา ได้แบบสบาย ๆ ส่วนหากเทียบกับฝั่งของ AirPods Pro ในแง่ของคุณภาพไมโครโฟนถ้าฝั่ง AirPods Pro เต็ม 10 คะแนน ทีมงานขอให้คะแนนทางฝัง EDIFIER NeoBuds Pro ที่ 9 คะแนน ถือว่าเรื่องไมโครโฟนทำได้ดีแต่ติดที่เรื่องของเสียงค่อนข้างเบา
แบตเตอรี่
ในการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง เราสามารถใช้หูฟังได้สูงสุด 5-6 ชั่วโมง ถ้าชาร์จต่อกับกล่องชาร์จก็จะสามารถใข้งานรวมกันสูงสุด 24 ชั่วโมงเลย เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันแน่นอน หากใช้งานตลอดทั้งวัน ก็ชาร์จทิ้งไว้ตอนนอน พอตื่นมาก็นำไปใช้งานได้เลย
สรุปจุดเด่นและสิ่งที่ประทับใจหลักจากการใช้งานจริงของหูฟัง EDIFIER NeoBuds Pro
- หูฟังสวมใส่สบาย ไม่หนักหู ไม่ร้อนหู และไม่เจ็บหู
- คุณภาพเสียงดีระดับ Hi-Res คนที่ชอบฟังเพลงบน Apple Music ก็สามารถฟังเพลงที่เป็นไฟล์ประเภท Lossless ได้
- เสียงมีมิติ เบสนุ่มและคมแต่ไม่กระแทกหู ฟังเพลงได้ทุกประเภท ทุกจังหวะ ถ้าชอบหูฟังที่ทุกย่านเสียงกลมกล่อม เสียงเบสนุ่ม อาจจะชอบหูฟังตัวนี้ นอกจากนี้ยังปรับ EQ ได้ด้วย
- การตัดเสียงรบกวนทำได้ดี ในโหมด High Noise Cancellation สามารถตัดเสียงรบกวนที่รบกวนสมาธิได้ดี เช่นเสียงพูดคุย เสียงของเครื่องฟอกอากาศ ช่วยให้เราโฟกัสกับคอนเท้นต์ที่กำลังรับฟังและรับชมได้ดีกว่าเดิมมาก
- เชื่อมต่อง่าย เมื่อเชื่อมต่อหูฟังเข้ากับ iPhone แล้ว แค่เปิดเคสชาร์จขึ้นมาหูฟังก็จะทำการเชื่อมต่อให้ทันที แค่หยิบหูฟังมาสวมใส่ ก็สามารถฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกมได้เลย ไม่ต้องปุ่มกดเชื่อมต่อให้ยุ่งยาก
- แอปพลิเคชัน Edifier Connect ใช้งานง่าย มีประโยชน์กับผู้ใช้มาก การปรับแต่งต่าง ๆ สามารถใช้งานได้จริง และปรับแต่งได้ตามความต้องการของแต่ละคนได้เลย
- หูฟังและเคสชาร์จพกพาง่าย เพราะมีน้ำหนักเบา ขนาดกระทัดรัด แถมยังมีถุงเก็บหูฟังมาให้ด้วย
จุดที่ต้องพิจารณา
- ไม่มีระบบตรวจจับการสวมใส่
- ปรับระดับเสียงที่หูฟังไม่ได้
- เคสชาร์จไม่รองรับการชาร์จไร้สาย
ราคาและการจัดจำหน่าย
หูฟังไร้สาย EDIFIER NeoBuds Pro ขายในราคา 3,990 บาท ถือว่าราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่ใส่มาให้
หากสนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ 425Degree และ Facebook Fanpage : 425Degree