yugioh2500
ได้ข่าวว่าอีกไม่นาน iPad 3 (ผมขอเรียกแบบนี้แล้วกัน) ก็จะเข้าในไทยแล้ว หลาย ๆ คนอาจจะกังวลว่าจะใช้ร่วมกันได้ไหม ทางผมก็อยากจะยืนยันว่าเคส 90% สามารถใช้ร่วมกันได้ซึ่งแน่นอนว่าก็รวมถึงเคสตัวนี้ด้วย เนื่องจาก iPad 3 มันหนากว่า iPad 2 แค่ 0.8 มิลลิเมตร แต่อย่าได้กังวัลไปทาง Moshi ก็ออกเคส Concerti for iPad 3 มาด้วยเช่นกัน รู้สึกว่าเคสจะบางกว่าเดิมประมาณ 0.2 มิลลิเมตร (แปลกจังเครื่องหนาขึ้นแต่ทำไมออกเคสบางนา – -*) แต่ช่างมันเถอะเอาเป็นว่าหากใครซื้อเคสใหม่ ถ้าจะให้สบายใจก็ซื้อให้ตรงรุ่นแต่พูดกันตามตรงเลยว่า Moshi Concerti for iPad 2 สามารถใช้กับ iPad 3 ได้จริง ๆ นะ เพื่อไม่ให้เป็นที่เสียเวลาเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับกับ รีวิว – Moshi Concerti for iPad 2
“Moshi – Concerti for iPad 2” สามารถหาซื้อได้ตาม iStudio, iBeat และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ราคา 1,650 บาท สามารถดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ ที่นี่
จุดเด่นของเคสซีรี่ย์ Concerti ของ Moshi ในทุกรุ่นก็คือการปกป้องที่สมบูรณ์แบบ “เป็นพิเศษ” โดยจะมียางครอบตัวเครื่องอีกทีหนึ่งแล้วค่อยเป็นเคส ซึ่งจะทำให้ทนแรงกระแทกได้มากกว่าเคสทั่ว ๆ ไป และแน่นอนว่าตัวนี้ก็คงจะไม่ทำให้ผิดหวังเหมือนทุกที
หน้ากล่องจะระบุชัดเจนเลยว่าสำหรับรุ่นไหน ไม่ว่าจะเป็น iPad, iPad 2, The new iPad ถ้ายังไงก็สังเกตุกันนิดนึงแล้วกันครับ แต่ผมยังยืนยันคำเดิมว่า “Moshi Concerti for iPad 2 สามารถใช้กับ The new iPad (iPad 3) ได้”
ด้านหลังแสดงถึงฟีเจอร์ในการใช้งาน และวัสดุที่ใช้ ซึ่งจากที่เห็นจะพบว่ามันสามารถปรับแต่งได้หลากหลายจริง ๆ แถมยังช่วยไม่ให้เมื่อข้อมือเวลาถืออีกด้วย
เป็นที่รู้กันว่า Moshi นั้นเป็นแบรนด์ยอดนิยมดังนั้นของปลอมย่อมมีบ้าง ซึ่งทาง Moshi เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการติดสติกเกอร์โฮโลแกรมมาทุกกล่องของผลิตภัณฑ์ วิธีทดสอบง่ายมากเพียงแค่ขูดเบา ๆ ก็จะได้รหัสชุดนึงมา (Authentication Number) จากนั้นเอาไปตรวจสอบที่ http://www.moshimonde.com/registration.aspx ได้เลย
เปิดดูด้านในวัสดุที่ใช้ทำค่อนข้างหลากหลาย สำหรับส่วนที่ครอบตัวเคสจะเป็นยาง ทำให้หมดกังวัลเรื่องการกระแทกได้เลย ส่วนพื้นหลังเป็นเหมือนกับผ้ากำมะหยี่ช่วยให้ไม่เป็นรอยหากเกิดการเสียดสี โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าหากใครใช้เคส Moshi Concerti นี่สภาพคงจะต้องใหม่เหมือนแกะกล่องอยู่เสมอแน่นอน
ด้านนอกเป็นผ้าขนสั้น ๆ (ทาง Moshi บอกว่าเป็น Microfiber) จับแล้วนุ่ม ๆ ไม่เมื่อยมือดีครับ ส่วนรอยเย็บอันนี้ดูได้ด้วยตาผ่านภาพเลยครับ ว่ามันเนี๊ยบดีจริง ๆ สมกับเป็นแบรนด์ระดับโลก
กลับมาอีกทีชัด ๆ ที่ด้านใน สำหรับสีก็มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีนะครับ คือ น้ำตาล เทา และม่วง ซึ่งสีที่ผมกำลังรีวิวอยู่นี้ก็คือสีเทานั่นเอง (ความเห็นส่วนตัวว่าสีม่วงน่าจะสวยกว่า)
ระบบการล็อคของเคสตัวนี้ใช้ระบบล็อคเป็นยางไนล่อนนะครับ ข้อดีก็คือมันแข็งแรงมาก ไม่ว่าจะตกสูงขนาดไหนก็ไม่หลุด ส่วนข้อเสียก็คืออาจจะดูเชยไปนิดและเปิดด้วยมือข้างเดียวลำบากหน่อย
ด้านหลังเป็นแบบเรียบ ๆ ครับ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แลดูสบายตาดี
ทดสอบโดยการใส่ iPad 2 เข้าไปลองทดสอบเขย่า กระแทก ก็ไม่หลุดออกมาจากยางที่ครอบไว้ เอาเป็นว่าผ่านสำหรับการทดสอบใช้งานจริงเบื้องต้น ตัวยางที่ครอบไว้ค่อนข้างหนาครับ
สำหรับองศาสามารถปรับได้ 2 ระดับ ตามแนวล็อคครับ (ตัวล็อคใหญ่มาก – -*)
ดูกันชัด ๆ สำหรับด้านข้างสำหรับองศาแบบนี้เหมาะกับการชมภาพยนต์เป็นอย่างยิ่ง หรือไม่ก็ท่องเว็บไซต์โดยใช้ Apple Wireless Keyboard อีกตัวนะแจ่มเลย
ตัวล็อคอีกระดับหนึ่ง อันนี้ค่อนข้างที่จะชันเล็กน้อย
สำหรับการวางปกติ ถ้าวางกับโต๊ะใช้งานแบบนี้ดูเหมือนจะพิมพ์ได้ถนัดมากกว่า
การถือใช้งานจะค่อนข้างกระชับกว่าเคสทั่ว ๆ ไป ทำให้ยากต่อการหลุดมือ แถมไม่เมื่อยมือด้วย
ความลับอยู่ตรงนี้ครับ ที่ด้านหลังเคสมีที่สำหรับให้สอดมือเขาไปอยู่
ลองเปิดใช้งานกล้องจะพบว่าตัวฝาเคสนั้นจะบังกล้องอยู่ แต่ทาง Moshi ก็ไม่ได้พลาดเรื่องนี้นะครับ วิธีถ่ายก็ง่ายมากแค่เลื่อนฝาเคสลงมาหน่อยเท่านั้นเอง (มันทำเป็นล็อคไว้อยู่แล้ว)
สรุป : เคสตัวนี้ขึ้นชื่อว่าสุดยอดแห่งการปกป้องจริง ๆ ถึงแม้เคสจะหนาไปนิดแต่ก็ยังจับได้กระชับมือและไม่เมื่อย หากคุณกำลังต้องการเคส iPad ซักตัวที่ทน ๆ เอามาก ๆ ผมขอแนะนำรุ่น Concerti ของ Moshi เลยครับ ทุกรุ่นไม่ผิดหวังจริง ๆ ในเรื่องความทนทาน มีทั้งยางครอบมีทั้งตัวเคส หมดกังวลเรื่องรอยจากการตกหล่นหรือกระแทกได้เลย
ขอขอบคุณ : Moshi Thailand ที่เอิ้อเฟื้อเคสคุณภาพมาให้ทีมงานได้ทดสอบ
หากท่านสนใจสินค้าสามารถหาซื้อได้ตาม iStudio, iBeat และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ
