กระแสไอโฟนไม่ตกลงเลยเมื่อดูจากยอดขายอุปกรณ์เสริมตามร้านต่าง ๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนซื้อไอโฟนค่อนข้างที่จะมีกำลังซื้ออุปกรณ์เสริมพอสมควร (ยอมรับว่ามันมีเยอะและหาซื้อง่ายด้วย) วันนี้ผมไปเจอเคสอันหนึ่งมาซึ่งออกแบบได้ฉลาดมาก ๆ จึงอยากจะนำมารีวิวให้ทุกคนได้รู้จักกัน และเหมือนเดิมสำหรับใครที่มีคำถามสงสัยหรืออยากให้ทดสอบเพิ่มเติม สามารถทิ้งคำถามไว้ได้ใต้รีวิวนี้หรือติดต่อผู้เขียนรีวิวได้ที่ Twitter @yugioh2500
Moshi SenseCover สามารถหาซื้อได้ตาม iStudio, iBeat และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ราคาประมาณ 1,490 บาท สามารถดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ ที่นี่
Moshi SenseCover ออกแบบมาสำหรับเป็นเคสแบบฝาปิด (Hardshell) โดยสามารถสัมผัสผ่านฝาปิด (Cover) ได้เลย ซึ่งเป็นการออกแบบที่ฉลาดและได้ใจผมไปมากเลยทีเดียว
ออกแบบมาสำหรับ iPhone 5/5s (5c หมดสิทธิ์) ซึ่งแบรนด์ Moshi นี้คงไม่ต้องสงสัยอีกแล้วในเรื่องของคุณภาพ เรื่องเคสถ้าไม่ไว้ใจ Moshi ก็คงไม่ต้องไว้ใจใครอีกแล้วล่ะ
สำคัญมากโปรดระวัง Moshi ปลอม !!!
สำหรับวิธีการดูของปลอมตามที่เคยกล่าวไว้ด้านบนนั้น หลักการดูง่าย ๆ เพียงแค่พลิกกล่องด้านหลัง ซึ่งจะมีสติกเกอร์โฮโลแกรม ที่จะมากับทุกกล่องของผลิตภัณฑ์ Moshi ส่วนวิธีทดสอบขั้นง่ายมากเพียงแค่ขูดเบา ๆ ก็จะได้รหัสชุดหนึ่งมา (Authentication Number) จากนั้นเอาไปตรวจสอบที่ http://www.moshimonde.com/registration.aspx ได้เลย
ถึงแม้ราคาจะสูงแต่ก็ยังคงความคุ้มค่าไว้ (บ้าง) ด้วยการแถมผ้าเช็ดจอผืนน้อยคุณภาพสูง และฟิล์มกันรอยด้านหลังมาให้ คุณภาพฟิล์มถ้าเต็ม 10 ผมให้ประมาณ 7 ครับ
สำหรับสีนั้นมีให้เลือกระหว่าง Black และ Titanium (ตัวที่รีวิวอยู่) ก็เลือกเอาตามความชอบเลยว่าชอบสว่างหรือชอบมืดมากกว่า แต่ส่วนตัวผมคิดว่าในอนาคตหากมีสีเจ็บ ๆ มาก็เก๋ดีนะ
ด้านหลังจะเป็นพลาาสติกเชื่อมติดกับ Cover มาจากโรงงานเลย งานขึ้นรูปออกมาได้สวยงามไร้ที่ติมาก ๆ ไม่พบเจอรอยตัดหรือขอบไม่เรียบเลยแม้แต่น้อย ส่วน Cover ก็เป็นแบบนุ่ม ๆ ถนอมหน้าจอของเราชนิดที่ว่าไม่ต้องติดกันรอยก็ยังวางใจได้
วัสดุด้านใน Cover ส่วนหนึ่งเป็นโลหะแต่ก็ยังมีวัสดุห่อหุ้มอีกชั้นไม่ให้มันขูดขีดกับหน้าจอของไอโฟน
ทดสอบติดตั้งกับ iPhone 5 สีดำลงไปเวลาจะ Unlock ก็มีแสดงเวลาและวันที่ในตัวครับ ไม่ต้องกังวลว่าใช้กับภาษาไทยแล้วจะมีปัญหา เพราะ Apple ออกแบบขนาดตัวอักษรมาได้ใกล้เคียงกัน ดูไปแล้วหน้าตาก็คุ้น ๆ กับเคส Galaxy เพียงแต่ตัวนี้เป็นของ iPhone เท่านั้นเอง
ฝาปิดเป็นแบบแม่เหล็กอันนี้ดีมาก ๆ เลย เพราะผมไม่ค่อยชอบให้ Cover ของมันแกว่งไปมาเวลาอยู่ในกระเป๋ามันดูไม่ค่อยมั่นคง และก็ไม่ได้รับประกันว่าเวลาเครื่องตกอยู่กับพื้นมันจะมีฝาปิดอยู่ตลอดเวลา = =”
ด้านบนทำออกมาได้เนียบและสวยงามดีครับ ดูกลมกลืนเป็นเหมือนชิ้นเดียวกันกับ iPhone ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งยื่นออกไปให้น่าเกลียด แต่ก็ยังคงความแข็งแรงอยู่
ด้านข้างถึงแม้ว่าจะเป็นฝาปิดแต่ก็สามารถกดทะลุผ่านไปได้ จึงสามารถใช้ปรับเสียงได้ปกติ
ด้านหลังเก็บงานได้เป็นอย่างดีครับ มีการโชว์ Apple โลโก้ด้านหลังแต่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลแต่อย่างใด เพราะในกล่องก็แถมฟิล์มกันรอยด้านหลังมาให้ด้วย
เท่าที่ลองทดสอบดูฝาหลังยังสามารถแกะด้วยมือเดียวได้อยู่ แต่อันนี้ด้านหน้าผมเลือกที่จะไม่ติดฟิล์มกันรอย เพราะไม่ค่อยชอบอารมณ์เวลาติดฟิล์มเท่าไหร่เป็นนิสัยส่วนตัว
ปุ่มปรับเสียงก็กดได้ไม่ยากนัก แต่ถ้ากดบ่อย ๆ อาจจะไม่ค่อยดีกับตัวเคสนัก ถ้าใครถนอมของก็เปิดฝาเคสแล้วกดก็ได้ครับ ส่วนผมดิบ ๆ เถื่อน ๆ อาศัยเอาสะดวกเข้าว่า
ความเทพอีกอย่างหนึ่งของเคสตัวนี้ก็คือเมื่อคุณปลดล็อคหน้าจอด้วยปุ่มบนหัวเครื่อง คุณสามารถ Slide to Unlock ได้จากหน้าเคสเลย ทำเอาผมอึ๊งและตะลึงไปตาม ๆ กัน
หากใครอัพเกรด iOS 7.1 ไปแล้วจะพบว่าเวลารับสายไม่ใช่ Slide to Answer อีกต่อไป (ขึ้นอยู่กับกรณีว่าล็อคหน้าจออยู่หรือไม่?) แต่จะเป็นปุ่มเล็ก ๆ ตามภาพด้านบน แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรค์ครับ
แอ่น … แอน … แอ๊นนนนนน เห็นอะไรด้านบนไหมเอ่ย? ทาง Moshi เทพเหมือนมีตาเห็นอนาคต ได้ทำช่องไฟไว้เล็ก ๆ ให้แสงหน้าจอลอดผ่านได้ เมื่อมีคนโทรเข้ามาจะมีปุ่มสีเขียวสำหรับรับสาย และปุ่มสีแดงสำหรับวางสาย แถมชื่อคนโทรและบริษัทยังแสดงได้อย่างพอดิบพอดีสวยงามมาก
ดูกันใกล้ ๆ อีกมุมหนึ่งครับ ตรงนี้เราสามารถสัมผัสลงไปได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเปิดเคส Amazing !!!
วีดีโอสาธิตการใช้งานในชีวิตประจำวันจากผู้ผลิต
สรุป : เป็นอะไรที่ประทับใจมากถึงมากที่สุด ในการออกแบบที่ชาญฉลาดชนิดที่คาดไม่ถึง ดีไซน์ลงตัวแถมยังปกป้องเครื่องได้เป็นอย่างดี ถือไปที่ไหนก็มีแต่คนทัก เอาไปเลยรางวัลออกแบบ 5 ดาวเต็ม !!!
ขอขอบคุณ : Moshi Thailand ที่เอิ้อเฟื้อสินค้าคุณภาพมาให้ทีมงานได้ทดสอบ หากท่านสนใจสินค้าสามารถหาซื้อได้ตาม iStudio, iBeat และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ