อิสระไปกับหูฟังอินเอียร์ไร้สายจาก Sony ที่ให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ลงตัวกับชีวิตและมีสไตล์ที่แตกต่าง สำหรับหูฟังรุ่น WI-C200 และ WI-C310 มาพร้อมกับการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานถึง 15 ชั่วโมง เพียงพอและเหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั้งวัน ให้พลังเสียงที่ดีกว่าใครด้วยไดรเวอร์ยูนิตขนาด 9 มม.
Sony WI-C200 และ Sony WI-C310
ความแตกต่างบอกก่อนเลยว่า WI-C200 และ WI-C310 มีคุณสมบัติเหมือนกันเกือบทุกประการชนิดที่แยกไม่ออก ต่างกันตรงที่รุ่น WI-C200 จะมาพร้อมกับสายแบบกลมและผิวด้าน (ดำ, ขาว) ส่วนรุ่น WI-C310 จะมาพร้อมกับสายแบบแบนและผิวเมทัลลิค (ดำ, ทอง, น้ำเงิน, ขาว) ซึ่งในการปฏิบัติแล้ว WI-C310 จะลดอาการพันของสายได้ดีกว่า และสีก็ดูน่าใช้งานมากกว่าแลกมากับราคาที่แพงขึ้นเล็กน้อยครับ
Sony WI-C200
เริ่มต้นจากการแกะกล่อง Sony WI-C200 ก็มาพร้อมกับรูปแบบที่แสนง่าย มีเพียงตัวหูฟัง, สายชาร์จ, จุกยาง 3 ขนาด การออกแบบของหูฟังรุ่นนี้ มาพร้อมกับการพันรอบคอให้ความสบาย น้ำหนักเบา ใช้งานแล้วไม่รู้สึกเกะกะ จึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถฟังเพลงได้อย่างอิสระเต็มที่ แถมยังมีไมค์ในตัวใช้สนทนาได้อีกด้วย
ในส่วนของจุกหูฟัง Sony ได้ทำการแยกเป็นสีเอาไว้ให้ จะได้ไม่ต้องสวมใส่สลับกัน แต่ไม่ได้บอกว่าอันไหนซ้ายหรือขวา ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่ต้องสนใจก็ได้ว่าอันไหนซ้ายขวา การควบคุมเสียงสามารถปรับจากหูฟังได้เลย นอกจากนี้ยังสามารถกดปุ่มมัลติฟังก์ชันที่แยกออกมาเพื่อสนทนา และกดปุ่มนี้อีกครั้งเพื่อวางสาย
หรือจะใช้ปุ่มลัดเพื่อเลื่อนไปยังเพลงถัดไปหรือเพลงก่อนหน้าก็ได้เช่นกัน ส่วนปุ่มกลางนั้นเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียงหากกดปุ่มมัลติฟังก์ชันสองครั้งจะเป็นการเรียกเข้าใช้ Siri หรือ Google Assistant ตามแต่ระบบปฏิบัติการ เท่ากับว่าหากใครจะสั่งโทรหาใครหรือจะใช้คำสั่งพื้นฐาน ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเลย
ส่วนอีกข้างหนึ่งก็จะเป็นแบตเตอรี่ เพื่อให้สมมาตรกับปุ่มควบคุมที่อยู่อีกฝั่ง ตรงนี้ทาง Sony ทำออกมาได้น่าประทับใจในเรื่องของน้ำหนักที่ใกล้เคียงกัน เมื่อใช้งานแล้วไม่รู้สึกว่าเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง การใช้งานแบตเตอรี่อยู่ที่ 15 ชั่วโมงเมื่อชาร์จจนเต็ม แต่หากแบตเตอรี่หมด 0% ก็สามารถชาร์จด่วนเพียงแค่ 10 นาที ก็เพียงพอสำหรับการฟังเพลงได้นานถึง 1 ชั่วโมง (แต่หากต้องการชาร์จเต็ม 100% จะใช้เวลา 3 ชั่วโมง)
การชาร์จผ่านมาตรฐานใหม่ USB-C แตกต่างจากหลายแบรนด์ในท้องตลาดที่เป็น Micro USB ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่คนชอบเลยว่าถูกใจแบบไหน (เสียงสองฝั่งมีพอกัน) แต่ส่วนตัวผมถนัดใช้งานมาตรฐานใหม่ USB-C มากกว่า และอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าสายของ WI-C200 จะเป็นแบบกลมเฉพาะในส่วนของบริเวณปลายสายครับ
Sony WI-C310
ถัดมารีวิวคู่กันเลยภาพด้านบนจะเป็นรุ่น Sony WI-C310 ที่มีจุดเด่นตรงที่มีสีให้เลือกมากกว่า แต่อย่างไรเสียถึงแม้ว่าจะเลือกสีหูฟังได้แต่สายชาร์จก็ยังคงเป็นสีดำอยู่ดีครับ ภาพลักษณ์แรกที่เห็นจะเข้าใจได้ทันที่ว่ามัน “ดูหรูหรามีราคามากกว่า” จากความเป็นสีเมทัลลิคที่ได้สะท้อนออกมา ดังนั้นจะเลือกรุ่นไหนก็ต้องตัดสินใจดู
คุณสมบัติและของแถมจะเหมือนกันทุกประการ มาพร้อมกับสายเคเบิลยืดหยุ่นและน้ำหนักเบา (เพียงแต่ปลายสายจะเป็นแบบแบน) ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 15 ชั่วโมง และสามารถชาร์จเร็วเพียง 10 นาทีได้แบบไม่แตกต่างอะไรกันเลย งานนี้รักใครชอบใครอยู่ที่ดีไซน์ แล้วก็งบประมาณในกระเป๋าล้วน ๆ
ถึงแม้ว่าจะเป็นสีน้ำเงิน แต่ก็ไม่ใช่สีน้ำเงินวัยรุ่นจ๋า Sony ทำออกมาเป็นสีสุภาพ ดูเป็นผู้ใหญ่มากพอสมควร หากเลือกเป็นสีทอง (ไม่มีรีวิวให้ดู) แต่เท่าที่ผมได้ไปดูตัวจริงมาก็จะเป็นทองแบบอ่อน ๆ จนเกือบเทาด้วยซ้ำไป
การควบคุมทุกอย่างนัันยังคงเหมือนเดิม และแน่นอนว่ารวมถึงไดรเวอร์ยูนิตขนาด 9 มม. ให้เสียงที่ใสและคมชัด การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับ SBC และ AAC สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องดีเลย์ หรือสัญญาณหลุดบ่อยที่เจอในหูฟังบลูทูธรุ่นถูก ๆ จะไม่มีทางพบเจอในหูฟังตัวนี้อย่างแน่นอนครับ จากที่ลองฟังมาไม่เคยหลุดเลย
หูฟังประเภทนี้ลักษณะแบบนี้ หลายคนอาจคิดถึงเรื่องการออกกำลังกายเป็นหลัก จริงอยู่ที่ว่าหูฟังอินเอียร์ไร้สาย Sony WI-C200 และ WI-C310 แต่ในรายละเอียดสินค้าไม่ได้พูดถึงคุณลักษณะเรื่องกันน้ำ หากเอาไปวิ่งเหงื่อเปียกชุ่ม ๆ คงไม่ค่อยเหมาะนัก แต่ถ้าใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันก็ไม่มีปัญหา (แต่ดูทรงแล้วน่าจะทนอยู่)
WI-C200 และ WI-C310 ต่างกันตรงไหน ?
หากดูคุณลักษณะภายนอก WI-C200 และ WI-C310 จะไม่มีอะไรต่างกันเลย ยกเว้นเรื่องของสายกับสีที่ผมกล่าวไว้ในตอนแรก ในส่วนของคุณสมบัติอื่นก็เหมือนกันแบบ 100% และเท่าที่ลองฟังดู (ขอออกตัวก่อนเลยว่าผู้รีวิวเป็นคนฟังเพลงทั่วไปไม่ได้หูเทพ) ก็ไม่ได้แตกต่างกันนัก แต่บางแหล่งข้อมูลบอกว่า WI-C310 มีการเลือกใช้ไดร์เวอร์ที่ให้คุณภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งอันนี้ยังไงคงบอกผ่านตัวอักษรไม่ได้คงต้องไปลองฟังกันเอาเองครับ
จากที่ได้ทดสอบเสียงดูแล้วพบว่า WI-C200 และ WI-C310 มาพร้อมกับเสียงกลาง ๆ ไม่โดดเด่นพิเศษย่านใดย่านหนึ่ง (คือจริง ๆ ก็มีโดดไปบ้างแต่ไม่เยอะ) เสียงเบสฟังได้แบบสนุก เป็นเบสลูกขนาดกลางไปหนักหู ย่านกลางเก็บเครื่องดนตรีได้ชัดแต่ไม่ลึกมาก ย่านแหลมมีติดปลายนิดหน่อย เหมาะกับการฟังเพลงสบาย ๆ ได้หลากหลายแนว เรียกได้ว่าเป็นหูฟังสำหรับคนส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ ไม่มีโดดเด่นไปกับเพลงเฉพาะทางไหนมากไป
อีกหนึ่งลูกเล่นของหูฟังทั้งสองก็คือ “แม่เหล็ก” ติดกันเพื่อการพกพาและจัดเก็บได้โดยไม่พันกัน ตรงนี้เวลาไม่ใช้งานก็สามารถเอามาคล้องได้แบบในภาพ ไม่ต้องกลัวหลุดหล่นหายที่ไหน แล้วก็ไม่ต้องเอามาทัดหูให้มันเจ็บ
เวลาสวมใส่จริงจะเป็นหูฟังขนาดเล็กดังภาพ ไม่ดึงและไม่หนักหู สามารถคล้องสายลงมาตรง ๆ ได้เลยไม่ต้องอ้อมหลังใบหูเพื่อลดน้ำหนัก จุกยางที่ให้มาแน่นพอดีหู แต่ก็ไม่เจ็บจนเกินไป สามารถฟังเพลงกันได้ยาว ๆ
สุดท้ายนี้กลุ่มคนที่เหมาะสมกับ หูฟังอินเอียร์ไร้สาย WI-C200 และ WI-C310 จะเน้นไปที่กลุ่มคนที่ต้องการหูฟังไร้สายในชีวิตประจำวัน ไม่เน้นคุณสมบัติกันน้ำ ไม่เน้นออกกำลังกายมากนัก แต่อยากได้หูฟังที่มีแบตเตอรี่ยาวนานเพียงพอตลอดทั้งวัน พร้อมกับมาตรฐานการชาร์จแบบอุปกรณ์ใหม่ร่วมกับ USB-C นั่นเอง
ราคาและสถานที่จำหน่าย
- Sony WI-C200 ราคา 1,590 บาท
- Sony WI-C310 ราคา 1,790 บาท
ทั้งหมดนี้สามารถสั่งซื้อได้ที่ Studio7 ทุกสาขาทั่วประเทศไทย