หลาย ๆ คนที่พึ่งจะซื้อ Macbook Air มาก็คงจะห่วงและหวงเป็นธรรมดา ส่วนหนึ่งนอกจากราคาของมันที่ค่อนข้างจะสูงแล้ว ก็คงจะเป็นเครื่องบาง ๆ ของมัน กลัวว่าจะมีรอยบ้างจะไม่สวยบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ทั่ว ๆ ไป ถึงแม้เครื่อง Macbook Air วัสดุจะค่อนข้างทนทานอยู่ แต่เรื่องแบบนี้กันไว้ดีกว่าแก้ครับ เพราะถ้ามันแย่แล้วมันจะแก้ไม่ทัน
“USG Film for Macbook” สามารถสั่งซื้อได้ที่ Mr.Caseman By Rajah Phoenix หรือ Be Trend สาขา พารากอน งามวงศ์วาน บางกะปิ เอ็มโพเรี่ยม ท่าพระ บางแค และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
Macbook Air 11”USG Film (Pink)920.-USG Plus Film (Blue Full-Body)1,900.-
Macbook Air 13” USG Film (Pink)980.-USG Plus Film (Blue Full-Body)2,300.-
Macbook Pro 13” USG Film (Pink)980.-USG Plus Film (Blue Full-Body)2,400.-
โดยในวันนี้เราจะมารีวิว USG Plus Film (Blue Full-Body) 1,900.- กันซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวกับ รีวิว – USG Film Series “สุดยอดแห่งฟิล์มกันรอย” ที่ผมเคยได้รีวิวไปคราวที่แล้ว โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าราคาฟิล์มนั้นแพงมาก ๆ เช่นกัน อันนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณของผู้อ่านแหล่ะครับ
โปรดระวังของลอกเลียนแบบ แนะนำให้สังเกตจากสติกเกอร์โฮโรแกรมครับ แบบนี้แท้แน่นอน
กล่าวถึงคุณสมบัติของมันคร่าว ๆ ที่สามารถกันรอยนิ้วมือ รอยขีดข่วน ฟิล์มไม่เหลือง ฯฃฯ
โดยฟิล์มจะมีทั้งหมด 7 ชิ้นครับ คลุมได้รอบตัวเครื่อง ใช้ระบบสเปรย์ฉีด ๆ เอาไล่ฟองอากาศได้ไม่ยาก แต่ !!! มีฟิล์มให้แค่อย่างละชิ้นเท่านั้น พลาดแล้วพลาดเลย ระวังด้วยครับ
ชิ้นส่วนของฟิล์มอีกครั้งหนึ่ง เผื่อว่าใครจะตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น
แกะกล่องออกมาด้านในมีคู่มือการใช้งานให้ พร้อมกับแผ่นฟิล์ม ผ้าเช็ด แผ่นสำหรับดึงฝุ่น และก็น้ำยาสะหรับฉีดให้ฟิล์มติดกับเครื่องครับ (ไม่มีคราบกาว)
ชิ้นส่วนของ Palm Rest
ชิ้นส่วนของ Left, Right
ชิ้นส่วนของ Top
ชิ้นส่วนของ Trackpad (อันนี้ติดง่ายสุดละ เริ่มที่อันนี้ก่อนเลย)
ติดไม่ยากอย่างที่คิดครับในส่วนนี้ ง่ายกว่าติดฟิล์มหน้าจอเยอะเลย เพราะเราไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่นอะไรมากมาย เพราะมองไม่ค่อยเห็นนั่นเอง
ลอกออกแล้วครับ สำหรับส่วน Trackpad ไม่จำเป็นต้องฉีดน้ำยานะครับ โดยในส่วนของขั้นตอนวิธีการติดผมขออนุญาตไม่ถ่ายวีดีโอนะครับ เนื่องจากใช้เวลานานมากและค่อนข้างใช้สมาธิพอสมควร
สำหรับวิธีติดนั้นง่ายมาก ๆ ครับ ใช้น้ำยาที่แถมมาฉีด ๆ ให้ทั่วเครื่องเอาให้เปียกชุ่มนิด ๆ จากนั้นก็แปะฟิล์มลงไป แล้วค่อย ๆ รีดเอาฟองอากาศออกมา (ไม่ยากมาก)
เทคนิคการติดเดี๋ยวผมจะแนะนำให้ครับ ให้ฉีดทีละส่วนให้ชุ่มจากนั้นก็แปะและรีดลงไปเลยครับ แปะทั้งส่วนไปเลยไม่ต้องค่อย ๆ ทำทีละครึ่งนะครับ ไม่งั้นมันจะมีปัญหาแนะนำให้ทำด้วยความฉับไวก่อนน้ำยาจะแห้ง
ข้อควรระวังอีกอย่างคือเวลาติดนั้นอย่าพยายามดึงนะครับ เนื่องจากว่ามันสามารถยืดได้ และเมื่อยืดแล้วมันจะยืดเลยครับ ค่อย ๆ ติดด้วยความเบามือดีกว่า ไม่งั้นเสียดายของแย่
ด้วยความใจร้อนเลยทำให้ผมติดเบี้ยวไปนิดหน่อย (เนื่องจากค่อย ๆ ทำทีละฝั่ง) แต่พอใช้งานจริงแล้วไม่ค่อยกระทบเท่าไหร่ครับ เล็กน้อยมากถือว่าเป็นประสบการณ์สำหรับคนติดครั้งแรก
ส่วนอีกฝั่งนั้นทำออกมาได้ค่อนข้างดีครับ สวยเรียบเนียนไม่มีฟองอากาศเลยทีเดียว
ด้านล่างของเครื่องพวกรอยน็อตอะไรก็เว้นมาอย่างดีครับ ไม่มีสะดุดแต่อย่างใด (นี่ถ้าไม่เห็นน็อตนี่มองไม่ออกเลยว่าติดฟิล์มกันรอย)
พอติดพักหลัง ๆ เริ่มรู้แนวเลยทำให้ติดได้ไม่ยากครับ
สำหรับพวกฟองอากาศอะไรที่มันเล็กๆ น้อยๆ มากเราสามารถมาเก็บรายละเอียดด้วยการเป่าไดว์ได้ที่หลังครับ ฟิล์มจะหดตัวลงแนบพอดีกับเครื่องเลย สรุปยังเหลือน้ำยาอีกขวดครึ่งแน่ะสงสัยผมใช้น้อยเกินไปหน่อย
สรุป : แพงครับบอกตามตรงว่าแพง ส่วนจะคุ้มมั้ยก็แล้วแต่ละคนครับ ว่ามีความเห็นกับเรื่องนี้ยังไง แต่ฟิล์มโอเคดีครับติดแล้วเนียนดี มองแทบไม่รู้ว่าติดฟิล์มยืดหยุ่นได้เยอะมาก ๆ แล้วก็ที่สำคัญไม่เหลืองครับ (ระยะยาวต้องดูกันอีกทีหนึ่ง)
ขอขอบคุณ : Mr.Caseman By Rajah Phoenix ที่เอิ้อเฟื้อฟิล์มคุณภาพมาให้ทีมงานได้ทดสอบ
หากท่านสนใจสินค้าตัวที่ทีมงานรีวิวนี้สามารถซื้อได้ที่ Be Trend สาขา พารากอน งามวงศ์วาน บางกะปิ เอ็มโพเรี่ยม ท่าพระ บางแค และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ