ว่าด้วยเรื่องเคสกันกระแทกแบรนด์ RhinoShield ทางทีมงาน iMoD ได้รีวิวไว้ให้ชมกันเรื่อยๆ ด้วยคุณสมบัติเด่นอยู่ที่ระบบกันกระแทกทำได้ดีเยี่ยมผ่านการทดสอบความทนทานทางการทหารและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เคสยี่ห้อนี้ได้รับความนิยมในอันดับต้นๆ ของสาวก iPhone และ Android วันนี้กับรุ่นใหม่ล่าสุด RhinoShield SolidSuit ได้มีโอกาสมาอวดโฉมให้ชมกันอีกครั้งทีมงาน iMoD ได้เคสจริงมาแล้วจะนำให้ชมกันครับ
รู้จักกับเคสกันกระแทก RhinoShield SolidSuit
RhinoShield SolidSuit เคสกันกระแทกรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ShockSpread แบบใหม่ (Generation 3) ที่จะช่วยเน้นการดูดซับ และกระจายแรงกระแทกให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ตัวเคสออกแบบมาในสไตล์ Minimal มีทั้งลาย Carbon Fiber, ลาย Classic และลายไม้ เคสมีความบางเพียง 3 มม. เท่านั้นแต่ยังสามารถกันกระแทกได้สูงถึง 3.5 เมตร ซึ่งบอกเลยว่าเเบรนด์ Rhinoshield ไม่เคยทำให้ผิดหวัง หากใครที่ชอบเคสกันกระแทกดีไซน์เรียบหรูไม่ควรพลาดรุ่นนี้
เป็นเคสกันกระแทก RhinoShield SolidSuit มีจุดเด่นในตัวคือ
- บางเบาเข้ารูปและป้องกันรอบทิศทาง ขอบเคสสูงกว่าหน้าจอ
- ดีโซน์สวยงามเป็นเอกลักษณ์ สไตน์เรียบหรู
- ผลิตด้วยวัสดุโพลิเมอร์ชนิดพิเศษจากทาง RhinoShield คิดค้นและออกแบบที่ Cambridge ในอังกฤษและผลิตที่ไต้หวัน
- ดูดซับแรงกระแทกได้ดีถึง 90% ทำให้ลดแรงกระแทกต่อ iPhone
- ได้รับการรับรอง Certified MIL-STD 810G military grade ตอกย้ำการเพิ่มความแข็งแรงทนทานป้องกันอันตรายให้กับอุปกรณ์ iPhone, Android ที่ติดตั้งเข้าไป
- ผ่านการทดสอบการตกจากระดับความสูง 3.5 เมตร (11+ feet)
- ไร้สาร BPA/BPS ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
รีวิวเคสกันกระแทก RhinoShield รุ่น SolidSuit เบา สวย ดุ มีสไตล์สำหรับ iPhone X
ทราบคุณสมบัติกันไปแล้วเรามาชมเคสของจริงกันบ้างครับ รอบนี้ทีมงาน iMoD ได้เคส RhinoShield SolidSuit มาทดสอบด้วยกัน 3 ลายได้แก่ Black Oak / Black, Brushed Steel / Black และ Microfiber / Graphite ไปชมเคสจริงกันได้เลยครับ
ดูหน้ากล่องของเคส RhinoSheild SolidSuit
อุปกรณ์ที่มีมาด้วยก็จะเป็นเคส 1 ชิ้น
การออกแบบเคสรุ่นนี้ที่เห็นในรูปด้านล่างเป็นลายที่แตกต่างกันออกไปนั้น ยกตัวอย่างเช่น ลาย Black Oak ที่ดูแล้วเหมือนทำจากไม้จริงแต่เอาจริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างที่คิด วัสดุด้านหลังนั้นทำลายเลียนแบบขึ้นมาซึ่งดูแล้วเหมือนจริงมาก (คล้ายๆ ลามิเนตลายไม้ที่นำมาตกแต่งภายในนั่นแหละ) ข้อดูความสวยงามที่เหมือนจริงและลดน้ำหนักของตัวเคสไม่ให้หนักมากเกินไป (เทียบกับเคส Mous รุ่นนี้จะมีความเบาและบางกว่า)
ส่วนลาย Microfiber / Graphite นั้นวัสดุผลิตจากผ้าไมโครไฟเบอร์เมื่อสัมผัสแล้วจะมีความนุ่ม ลื่น คล้ายคลึงกับผ้าที่ใช้ปูบนโต๊ะสนุกเกอร์ประมาณนั้นครับ ได้ความรู้สึกที่ดีไปอีกแล้ว แถมผลงานที่ออกมาดูเนี๊ยบและพรีเมี่ยมดีงาม
ด้านในของตัวเคสที่เป็นเป็นตารางนั้นคือเทคโนโลยี ShockSpread เฉพาะจากทาง RhinoShield แบบใหม่ (Generation 3) ที่จะช่วยเน้นการดูดซับ และกระจายแรงกระแทกให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้เพิ่มความมั่นใจให้กับอุปกรณ์ที่ติดตั้งเคสนี้เข้าไปจะปลอดภัยจากการตกกระแทกที่ทดสอบแล้วที่ระดับความสูง 3.5 เมตร ก็ไม่ทำให้เครื่องแตกหักเสียหายโดยเฉพาะหน้าจอของเครื่อง
เคสมีความบางและมีความยืนหยุ่นสูงสามารถบิดงอได้โดยไม่ทำให้เคสแตกหักเสียหาย แต่เตือนหน่อยว่าอย่าบีบมากเกินไฟเพราะจะทำให้แผ่นที่เป็นลายด้านหลังนั่นแตกเป็นรอยได้
การติดตั้งตัวเครื่อง iPhone X เข้าไปที่ตัวเคส RhinoShield SolidSuit นั้นทำได้ง่าย โดยสวมจากด้านบนแล้วค่อยกดลงที่ด้านล่างดังรูป ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าติดตั้งง่ายกว่าการถอดที่ต้องออกแรงมากกว่า แต่ก็ไม่ได้ยากมาก (รุ่นก่อนหน้านี้แกะยากกว่าเยอะ)
ติดตั้ง RhinoShield SolidSuit เรียบร้อย ชมผลงาน
หลังการติดตั้งและใช้งานสรุปไฮไลท์ที่น่าสนใจของเคสรุ่นนี้ดังนี้
- เคสบางเบา ติดตั้งแล้วตัวเครื่องไม่หนาขึ้นมาก
- ขอบด้านข้างของเคสจับกระชับมือ
- ขอบเคสสูงกว่าหน้าจอ คว่ำหน้าจอลงพื้วผิวโต๊ะได้
- ช่องว่างบริเวณพอร์ต Lightning ค่อนข้างใหญ่ เสียบายชาร์จได้สบายๆ
- ปุ่มเพิ่มลดเสียง และปุ่มเปิดเครื่องด้านข้างกดใช้งานง่าย
- สามารถใช่งานร่วมกับฟิล์มกระจกได้ (ตรวจสอบรุ่นที่รองรับได้ที่นี่) แนะนำว่าฟิล์มกระจกบางรุ่นหลังติดตั้งเสร็จให้ทิ้งไว้สัก 2-3 ชม. ให้ฟิล์มเซตตัว จากนั้นค่อยสวมเคส RhinoShield SolidSuit เข้าไป
- สามารถใช้งานร่วมกับแท่นชาร์จไร้สายได้
- สามารถใช้งานร่วมกับฟิล์มด้านหลังได้
- มีช่องว่างสำหรับติดตั้งสายคล้องคอได้
สรุป
โดยภาพรวมหลังจากที่ได้ทดสอบใช้งานเคสนี้สิ่งประทับใจอย่างแรกคือ ความสวยงามแน่นอนว่าการที่จะหาเคสมาใส่กับ iPhone ของเราสักเครื่องต้องดูก่อนว่ามันสวยไหมและคุณภาพเป็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง iPhone X, iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ที่ตัวเครื่องผลิตจากกระจกทั้งด้านหน้าละด้านหลัง จำเป็นต้องได้รับการปกป้องที่ดี ดังนั้นเคสกระแทกคุณภาพดีจึงเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่จะหามาใช้งาน
เคสกันกระแทกหลายยี่ห้อดูหล่อ ดูแมนเกินไปจนบางครั้งสาวๆ หลายคนไม่กล้าซื้อมาใช้งาน แต่ด้วยความสวยของ RhinoShield SolidSuit นี้จะทำให้เคสกระกระแทกที่ดูถึกบึกบึนนั้นเปลี่ยนเป็นซอฟต์ลงทันที เชื่อว่าสาวๆ หลายคนที่ได้เห็นแล้วจะชอบอย่างแน่นอน
มั่นใจได้กับคุณภาพในการกันกระแทกจาก RhinoShield สามารถปกป้องเครื่องของเราได้อย่างแน่นอน ที่เหลือก็เลือกเอาว่าชอบดีไซน์แบบไหน
ส่วนในเรื่องจุงด้อยเท่าที่เห็นก็คงเป็นการออกแบบช่องว่างระหว่างกล้องหลังที่เว้นช่องไว้เยอะเท่านั้น น่าจะออกแบบให้ชิดมากกว่านี้
ภาพรวมของ RhinoShield SolidSuit จึงเป็นเคสอีกรุ่นหนึ่งที่ผมเลือกใช้งานบ่อยๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ใช้งาน Mous มาโดยตลอด ด้วยความที่เคส RhinoShield SolidSuit นี้ที่ สวยงาม เบา สบาย ไม่หนาและกันการกระแทกได้ดีเยี่ยมแถมราคาก็น่าคบหา จึงขอแนะนำให้เป็นเคสอีกรุ่นหนึ่งที่น่าหามาใช้งานนะครับ
ราคาเคส RhinoShield SolidSuit และสถานที่จัดจำหน่าย
ผู้ที่สนใจสามารถซื้อได้ที่เว็บ 425Degree ราคาตามลิงก์ด้านล่างครับ (กดที่ลิงก์เพื่อเข้าไปสั่งซื้อผ่านเว็บและอย่าลืมใส่โค้ดส่วนลดด้วยนะ)
- iPhone X – 1,190 บาท
- iPhone 8, iPhone 7 – 1,190 บาท
- iPhone 8 Plus, iPhone 7 Plus – 1,190 บาท
- Samsung Galaxy S9/S9 Plus – 1,190 บาท
พิเศษ! สมาชิก iPhonemod รับส่วนลด 10%
ทาง 425Degree มอบส่วนลดพิเศษให้กับสมาชิกและแฟนๆ iPhonemod เพียงใส่ Code “425imod2018” รับส่วนลดในการซื้อทันที 10% โดยการสั่งซื้อได้ที่เว็บ 425Degree.com
สนับสนุนการรีวิวโดย
เลือกชมสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ 425Degree และติดตามอัปเดตโปรโมชันเคสใหม่ผ่าน Facebook ที่ 425Degree และ LINE @425Degree (ต้องมี@ด้วยครับ)