หากพูดถึงการรีเซ็ตแล้วก็คงเข้าใจตรงกันว่าเป็นการล้างหรือลบข้อมูลใน iPhone ปกติแล้วการรีเซ็ตที่มักจะได้ยินบ่อยๆ ก็คือ Reset All Settings และ Erase All Content and Settings แต่วันนี้ทีมงานจะนำเสนอการรีเซ็ทข้อมูลอื่นๆ ใน iPhone แต่ละแบบว่ามีหลักการอย่างไรและควรใช้ตอนไหน
รู้จักกับการรีเซ็ต (Reset) iPhone
1. รีเซ็ตการตั้งค่าทั้งหมด (Reset All Settings)
คือการคืนค่าการตั้งค่า (Setting) ทั้งหมด ยกเว้นข้อมูลการเชื่อมต่อ Wi-Fi โดยจะคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมดให้เหมือนออกมาจากโรงงาน แต่ไม่ได้หมายความว่าลบข้อมูลออกจากเครื่อง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสำรองข้อมูล เพราะระบบจะปรับแค่การตั้งค่าใหม่เท่านั้นเอง การรีเซ็ตการตั้งค่าทั้งหมด แนะนำให้ทำทุกครั้งหลังจากอัปเดต iOS ใหม่หรือเมื่อใช้งานแล้วรู้สึกว่าเครื่องรวนผิดปกติ การใช้งานไม่เหมือนเดิม เพราะการทำ Reset All Setting จะช่วยให้การตั้งค่ากลับมาทำงานได้สมบูรณ์มากขึ้น มีวิธีการดังนี้
ไปที่ การตั้งค่า (Setting) > ทั่วไป (General) > แตะ รีเซ็ตการตั้งค่าทั้งหมด (Reset All Settings) > กรอกรหัสและแตะเลือก รีเซ็ทการตั้งค่าทั้งหมด
เมื่อเครื่อง Restart เสร็จแล้ว ให้ทำการตั้งค่าเครื่องทั้งใหม่หมดตามขั้นตอนที่ iPhone แนะนำได้เลย
2. ลบข้อมูลเนื้อหาและการตั้งค่าทั้งหมด (Erase All Content and Settings)
วิธีนี้เป็นการล้างข้อมูลเครื่องใหม่ทั้งหมด (Restore เครื่อง) หลักการก็คือหลังจากที่เลือกลบแล้ว เครื่องจะล้างข้อมูลในหน่วยความจำออกทั้งหมดและติดตั้ง iOS เข้าไป เหมือนตอนซื้อเครื่องมาใหม่ๆ แน่นอนว่าข้อมูลรูปภาพ ไฟล์ แอปพลิเคชันที่ไม่ได้ติดมากับเครื่องจะหายทั้งหมด ก่อนที่จะทำการลบ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ให้ทำการสำรองข้อมูลก่อน และควรจะใช้เคสนี้เมื่อจำเป็นจริงๆ เช่น เมื่อต้องการขายเครื่องหรือเครื่องมีปัญหาหลังจากที่ทำ Reset All Setting แล้วไม่หาย ควรใช้อย่างระมัดระวังนะคะ
ไปที่ การตั้งค่า (Setting) > ทั่วไป (General) > ลบข้อมูลเนื้อหาและการตั้งค่าทั้งหมด (Erase All Content and Settings) > กรอกรหัส หากไม่ได้สำรองข้อมูลให้เลือก สำรองข้อมูล จากนั้นลบข้อมูล หากสำรองข้อมูลแล้ว แตะเลือก ลบข้อมูลตอนนี้
3. รีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่าย (Reset Network Settings)
Reset Network Settings เป็นการตั้งค่าข้อมูลเครื่อข่ายทั้งหมดที่จะทำการลบข้อมูล Wi-Fi ที่เคยเชื่อมต่ออยู่ออก ลบการเชื่อมต่อบลูทูธเดิม การตั้งค่า VPN และ APN และการเชื่อมต่อเครือข่ายกับผู้ให้บริการ วิธีนี้แนะนำให้ทำก็ต่อเมื่อเครื่องมีปัญหาในการเชื่อมต่อ Wi-Fi บลูทูธ และเซลลูลาร์ ที่อาจจะเชื่อมต่อไม่ติด (ปัญหา Wi-Fi ควรเช็คเราเตอร์ด้วยว่าเสียหรือไม่) หลังจากที่เราทำการีเซ็ตการตั้งค่าเครื่องข่ายแล้ว ให้ลองเชื่อมต่อทุกๆ เครือข่ายใหม่
ไปที่ การตั้งค่า (Setting) > ทั่วไป (General) > รีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่าย (Reset Network Settings) > กรอกรหัสและแตะเลือก รีเซ็ทการตั้งค่าเครือข่าย
4. รีเซ็ตพจนานุกรมแป้นพิมพ์ (Reset Keyboard Dictionary)
ในการใช้แป้นพิมพ์ iPhone มักจะเสนอคำหรืออิโมจิที่เราใช้บ่อยหรือใช้เป็นประจำมาให้เสมอ ดังนั้นหากทำการรีเซ็ตพจนานุกรมแป้นพิมพ์แล้ว คำหรืออิโมจิเหล่านี้ก็จะหายไป แต่จะแสดงค่าที่มาจากโรงงานแทน
ไปที่ การตั้งค่า (Setting) > ทั่วไป (General) > รีเซ็ตพจนานุกรมแป้นพิมพ์ (Reset Keyboard Dictionary) > กรอกรหัสและแตะเลือก รีเซ็ทพจนานุกรม
5. รีเซ็ตการเรียงไอคอนที่หน้าจอโฮม (Reset Home Screen Layout)
เป็นข้อดีสำหรับคนที่ชอบโหลดแอปพลิเคชันมาไว้เยอะๆ เมื่อใช้งานไปแล้วอาจจะรู้สึกว่ารกหูรกตาไม่เป็นระเบียบหรือบางคนต้องการขายเครื่องต่อให้คนอื่นก็อาจจะทำการรีเซ็ทการเรียงไอคอนหน้าจอโฮมใหม่ เมื่อรีเซ็ตแล้วเครื่องจะเรียงไอคอนแอปที่ติดมากับเครื่องให้เหมือนตอนที่เราซื้อเครื่องมาใหม่ ส่วนแอปอื่นๆ ก็ไม่ได้หายไปไหนแต่จะไปแสดงอยู่ในหน้า 2 แทน
ไปที่ การตั้งค่า (Setting) > ทั่วไป (General) > รีเซ็ตการเรียงไอคอนที่หน้าจอโฮม (Reset Home Screen Layout) > แตะเลือก รีเซ็ทหน้าจอโฮม
6. รีเซ็ตตำแหน่งที่ตั้งและความเป็นส่วนตัว (Reset Location & Privacy)
หลังจากที่ใช้งาน iPhone ไปสักพักแน่นอนว่าเราต้องมีการเข้าแอปหรือเว็บไซต์ต่างๆ และอนุญาตให้แอปเหล่านั้นเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งและรูปภาพได้ เมื่อใช้ไปนานๆ ก็อาจจะลืม ซึ่งการอนุญาตการเข้าถึงข้อมูลในเครื่องอาจจะไม่เป็นผลดีมากนักสำหรับบางเว็บไซต์ ดังนั้นการรีเซ็ตตำแหน่งที่ตั้งและความเป็นส่วนตัวจะช่วยล้างการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งและการเข้าถึงรูปภาพทั้งหมด เมื่อเราเข้าแอปที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลในเครื่องจะต้องมีการแจ้งเตือนถามเราใหม่ทุกครั้ง
ไปที่ การตั้งค่า (Setting) > ทั่วไป (General) > รีเซ็ตตำแหน่งที่ตั้งและความเป็นส่วนตัว (Reset Location & Privacy) > กรอกรหัสและแตะเลือก รีเซ็ทการตั้งค่า
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการรีเซ็ททั้งหมดของ iPhone แนะนำให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมและอย่าลืมคำนึงถึงผลกระทบก่อนทำการรีเซ็ทด้วยนะคะ
เรื่องโดย iPhoneMod.net