อีกหนึ่งปัญหาที่กระทบไม่แพ้จราจรในบ้านเรา ก็คือการที่ TAXI เลือกผู้โดยสารและสถานที่จะไป ซึ่งหากว่ากันตามโครงสร้างค่าโดยสารแล้วการวิ่งระยะสั้น ๆ หรือวิ่งไกล ๆ แบบรถไม่ติด ดูเหมือนจะทำเงินได้มากกว่าการจอดรถติดอยู่กลางถนนมากกว่า และล่าสุดทาง ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ ออกมาสนับสนุนแนวคิดของ Smart TAXI ซึ่งจัดทำโดยคนไทย เพื่อแข่งกับ Grab และ Uber โดยตรง
Smart TAXI
สำหรับแนวคิดนี้มาจาก สาเหตุที่ TAXI ปฏิเสธผู้โดยสารใน 3 นาที …! (ดูได้จากคลิปด้านล่าง) และวิธีแก้ปัญหาก็คือนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งาน เพื่อให้คนขับรู้ปลายทางที่จะไปผ่านแอปพลิเคชัน และนอกจากนี้ยังมีเรื่องค่าบริการเพิ่มเติมเพื่อเป็นการจูงใจคนขับดังนี้
- ไปสนามบินสุวรรณภูมิ (เหตุผลคือไกลและต้องตีรถเปล่ากลับ) ราคาเพิ่ม 50 บาท
- เรียกใช้ชั่วโมงเร่งด่วน (วันละ 6 ชั่วโมง) ราคาเพิ่ม 50 บาท
- จองล่วงหน้า ราคาเพิ่ม 50 บาท
ส่วนตัวผู้เขียนเองเข้าใจทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสาร จากเท่าที่สอบถามมาบางครั้งการไม่รับคนไทยเนื่องจากรถติดสองชั่วโมงได้ไม่ถึง 200 บาท แต่รอต่างชาติเสียเวลาชวนนิดหน่อยอาจได้ถึง 500 บาท (แน่นอนว่ามันไม่ถูกต้องนัก) บางครั้งการไปย่านรถติดนอกจากจะขาดทุนมิเตอร์แล้ว บางทีก็โดนผู้โดยสารทิ้งกลางทาง
แต่การขึ้นราคาทันที 50 บาท ในชั่วโมงเร่งด่วนอาจทำให้เสียผู้โดยสารระยะสั้นไปค่อนข้างมาก เพราะคงไม่มีใครอยากนั่งแค่ 2-3 กิโลแล้วเสียเงินหลักร้อย ไปวินมอไซค์คุ้มกว่าเยอะ แถมไม่มีอะไรการันตีว่าจะมีรถมารับเรา เพราะทุกคันต่างก็ได้เพิ่ม 50 บาท การเลือกผู้โดยสารก็ยังคงมีต่อไป
ที่มา – Smart Taxi.,Ltd