ผู้เขียนได้มีโอกาสใช้งาน หูฟัง Sony WF-SP800N มาสักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งบอกเลยว่าเป็นหูฟัง True Wireless ที่ดีอีกตัวที่อยากนำมาแนะนำกัน มีอะไรน่าสนใจไปดูกันเลย
การเล่าประสบการณ์ครั้งนี้มาจากการใช้งานระยะหนึ่ง โดยผู้เขียนไม่ใช่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหูฟังแต่อย่างใด
รีวิวประสบการณ์ใช้งานหูฟัง Sony WF-SP800N
Sony WF-SP800N เป็นหูฟัง True Wireless ตัวล่าสุดจาก Sony ซึ่งไฮไลท์ของรุ่นนี้จะอยู่ที่เป็นหูฟัง EarBud แต่มีจุกหูฟังแบบ In-Ear เพื่อให้ได้รับประสบการณ์การตัดเสียงรบกวนและเบสที่ทรงพลัง แต่ก็สวมใส่สะดวก ไม่หลุดง่าย
ที่ตัวกล่องของหูฟัง Sony WF-SP800N ระบุสเปคไฮไลท์สำคัญไว้ ดังนี้
- หูฟังไร้สายมีระบบตัดเสียงรบกวน (Noise Cancelling), ฟังเสียงรอบข้าง (Ambient Sound)
- มี Extra Bass (เบสหนัก)
- ใช้ฟังเพลงต่อเนื่องแบบเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน นานสุดที่ 9 ชั่วโมง (ใส่ในเคสชาร์จ ได้เพิ่มอีก 9 ชั่วโมง)
- มีสัญลักษณ์ MFI (รองรับใช้งานร่วมกับ iPhone)
- กันน้ำกันเหงื่อแบบ IP55
- Bluetooth 5.0
- ชาร์จ 10 นาที ฟังได้นาน 60 นาที
- พอร์ตชาร์จแบบ USB-C
- เสียงสนทนาแบบ HD
- ใช้งานร่วมกับแอป Headphones Connect
อุปกรณ์ในกล่อง
- หูฟัง Sony WF-SP800N
- เคสชาร์จ
- สายชาร์จ USB-C to USB-A
- จุกหูฟังสำหรับเปลี่ยน (จุก 3 คู่, ขอเกี่ยว 1 คู่)
- เอกสารประกอบการใช้งาน
การออกแบบ
การออกแบบของตัวหูฟัง Sony WF-SP800N นั้นยังใช้เป็นรูปแบบเหมือนที่ Sony ทำมา โดยดีไซน์สวยงาม สีที่ได้ใช้งานนี้เป็นสีขาว มีผิวสัมผัสแบบด้าน ไม่ลื่น
ที่หูฟังนั้นมีจุกยางสำหรับใส่ในรูหูและมีขอเกี่ยวในใบหูด้วย เพื่อไม่ให้หลุดในระหว่างการใช้งานนั่นเอง
จุดที่ชอบอีกอย่างคือสัญลักษณ์ L R ที่ตัวหูฟัง โดยข้าง R จะเป็นวงกลมสีแดง ตอนเก็บมาใส่เคสชาร์จ ไม่สับสนแน่นอน
สำหรับตัวเคสชาร์จนั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ก็มีน้ำหนักไม่มาก ผิวสัมผัสเป็นแบบด้านเหมือนกัน ที่ด้านบนเคสชาร์จมีโลโก้ SONY และหน้าเคสมีไฟสถานะบอกอยู่
การเชื่อมต่อ
การเชื่อมต่อหูฟัง Sony WF-SP800N กับ iPhone ทำได้ง่าย ๆ เพียงเปิดฝาหูฟังและจับคู่กับ iPhone ผ่าน Bluetooth ได้เลย และแนะนำว่าให้ ดาวน์โหลดแอป Headphones Connect มาตั้งค่าด้วย เพื่อให้ได้ใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้เต็มประสิทธิภาพ
การใช้งาน
สำหรับการใช้งานนั้นผู้เขียนจะบรรยายประสบการณ์ใช้งานแต่ละประเด็น ดังนี้
คุณภาพเสียง
บอกเลยว่าหูฟัง Sony WF-SP800N เป็นหูฟังไร้สายที่เสียงดีมากพอสมควร ทั้งเสียงใสและเสียงเบสทำออกมาได้ลงตัวพอดี เมื่อเปิดโหมด Bass Boost ในแอป Headphones Connect พบว่า เสียงเบสกระหึ่มมาก คนชอบเสียงเบสหนัก ๆ ถูกใจสิ่งนี้แน่นอน
ในแอป Headphones Connect สามารถปรับ EQ และมีโหมดเสียงให้เลือกหลายแบบหลายแนว ส่วนตัวได้ลองมาบ้าง โดยแต่ละโหมดจะแตกต่างกัน และส่วนตัวมองว่าสิ่งนี้แหละที่ทำให้หูฟังตระกูล Sony แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ
ตัดเสียงรบกวน, ฟังเสียงจากรอบข้าง
ผู้เขียนใช้ AirPods Pro เป็นหูฟังหลักในชีวิตประจำวัน และเมื่อได้มาลองหูฟัง Sony WF-SP800N พบว่าตัดเสียงรบกวนได้ดีพอ ๆ กับ AirPods Pro
จุดที่หูฟัง Sony WF-SP800N ทำได้ดีกว่า AirPods Pro ในแง่ของการตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation) ก็คือ ขับเสียงออกมาได้มีคุณภาพกว่า ประมาณว่าเสียงเบสชัด และเสียงดีกว่าในขณะที่เปิดโหมดตัดเสียงรบกวนแล้วฟังเพลง
หูฟัง Sony WF-SP800N มีฟีเจอร์ฟังเสียงจากรอบข้าง (Ambient Sound) เช่นกัน โดยผู้เขียนจะเปิดโหมดนี้ระหว่างการออกกำลังกาย เพื่อความปลอดภัยนั่นเอง
การปรับโหมดตัดเสียงรบกวน, ฟังเสียงจากรอบข้างของหูฟัง Sony WF-SP800N ทำได้ง่ายมาก เพียงแตะไปที่ตัวหูฟังก็เปลี่ยนโหมดได้แล้ว
และที่เจ๋งกว่านั้น คือ มีระบบ Adaptive Sound ปรับโหมดให้เข้ากับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เช่น ถ้าผมใส่หูฟังแล้วเดินอยู่ระบบก็จะปรับเป็น Ambient Sound ให้อัตโนมัติ (เพื่อความปลอดภัยเวลาเดินข้างถนน)
ไมค์สนทนา
ผู้เขียนได้ทดลองใช้หูฟัง Sony WF-SP800N คุยโทรศัพท์ พบว่า ปลายสายได้ยินเสียงจากไมค์สนทนาของตัวหูฟังได้ชัดเจน (มาก) แต่จะมีปัญหาหากเราคุยในห้องที่มีเสียงก้อง โดยไมค์ของหูฟัง Sony WF-SP800N ไม่สามารถลดระดับเสียงก้องลงได้
กันน้ำกันเหงื่อ IP55
หูฟัง Sony WF-SP800N เป็นหูฟังทรง Sport จึงมั่นใจได้เลยว่าเราสามารถสวมใส่เพื่อออกกำลังกายได้เลย เพราะสามารถกันเหงื่อได้และยังสามารถล้างน้ำเพื่อทำความสะอาดได้ด้วย (เฉพาะตัวหูฟัง ไม่ใช่เคสชาร์จ)
ความสะดวกและคุณสมบัติอื่น ๆ
สำหรับประเด็นเรื่องความสะดวก จะยกเป็นข้อ ๆ ดังนี้
- การพกพาหูฟัง Sony WF-SP800N พร้อมกล่องชาร์จอาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะตัวเคสชาร์จค่อนข้างใหญ่ แต่ถ้าพกเฉพาะตัวหูฟังก็สบายมาก เพราะมีขนาดไม่ใหญ่มาก
- การเชื่อมต่อหากจับคู่กับ iPhone แล้วก็เชื่อมต่อได้ไวมาก ไม่ต้องมาจับคู่ใหม่ทุกรอบ
- หากเราฟังเพลงอยู่แล้วถอดหูฟังออก เพลงก็จะหยุด และถ้ากลับมาใส่เพลงก็จะเล่นต่ออีกครั้ง
- เราสามารถใช้นิ้วแตะเพื่อควบคุมการทำงานของหูฟังได้เลย เช่น เปิดโหมดตัดเสียงรบกวน รับสาย เป็นต้น และที่เจ๋งคือ เราสามารถแตะเพื่อลดความดังของเสียงเพลงเพื่อฟังเสียงภายนอกได้
จุดพิจารณา
- เคสชาร์จหูฟัง Sony WF-SP800N มีขนาดใหญ่ ทำให้พกพาไม่ค่อยสะดวก
- ด้วยความที่หูฟัง Sony WF-SP800N เป็นแบบ In-Ear อาจทำให้ผู้ใช้เกิดอาการปวดหูเมื่อฟังไปนาน ๆ (ปกติของ In-Ear)
- การแตะสัมผัสเพื่อสั่งการบางครั้งผู้ใช้อาจสับสนเพราะความไม่ชิน
- ในแอป Headphones Connect มีฟังก์ชันการใช้งานเยอะ ทำให้ผู้ใช้ ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ค่อนข้างนาน
- ขอเกี่ยวที่หูฟัง เมื่อใส่นาน ๆ ไปอาจรู้สึกไม่ค่อยสบายที่ใบหู และเวลาวิ่งแล้วมีเหงื่อ อาจมีติดอยู่ที่ตรงนั้นบ้าง
เปรียบเทียบกับ AirPods Pro
- หูฟัง Sony WF-SP800N ราคาถูกกว่า AirPods Pro แต่คุณสมบัติการใช้งานหลายจุดเทียบเท่า และบางจุดดีกว่า
- หูฟัง Sony WF-SP800N ให้เสียงที่ดีกว่า AirPods Pro โดยเฉพาะเบสที่ชัดเจนมาก ๆ
- ลูกเล่นของหูฟัง Sony WF-SP800N มีให้เล่นมากกว่า AirPods Pro ทั้งตัวการตั้งค่าเสียง และการแตะสัมผัสการใช้งานที่ตัวหูฟัง
- ความสะดวกในการใช้งานของ AirPods Pro ยังเหนือกว่า (เมื่อเชื่อมต่อกับ iPhone) และ AirPods มีขนาดเล็กกว่าจึงพกพาสะดวกกว่า
- หากให้เลือกระหว่างหูฟัง Sony WF-SP800N กับ AirPods Pro ส่วนตัวคิดว่าหูฟัง Sony WF-SP800N คุ้มค่ากว่า AirPods Pro (จากการที่ลองใช้งานมาสักระยะ)
สรุป
จริง ๆ แล้ว Sony ทำหูฟังไร้สาย TWS ออกมาแต่ละตัวก็ทำได้ดีอยู่แล้ว และหูฟัง Sony WF-SP800N ก็เป็นอีกตัวสำหรับคนที่ชอบหูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวนแต่เสียงดีไม่ควรพลาด โดยเฉพาะเสียงเบสนั้น ทำได้ดีแบบสุด ๆ การตัดเสียงรบกวนก็ทำได้ดี และการใช้งานก็สะดวกมาก
ราคาและการจำหน่าย
หูฟัง Sony WF-SP800N เปิดขายในราคา 6,490 บาท มีให้เลือกหลายสี ได้แก่ สีดำ สีน้ำเงิน สีขาว และสีส้ม
หากใครสนใจก็เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sony.co.th และไปดูตัวจริงได้ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ ทุกสาขา ร้านโซนี่ เซ็นเตอร์ และร้านค้าผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ