ท่ามกลางการแข่งขันบริการสตรีมมิ่งวิดีโอ HOOQ ได้ประกาศเตรียมชำระบัญชีหนี้สิน เพื่อเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย หลังจากไม่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมต้นทุนการดำเนินงาน หลังจากที่เปิดบริการมาได้กว่า 5 ปี ความพิเศษก็คือบริษัทนี้เป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ในการให้บริการ ถึงแม้ว่าจะไม่ใกล้เคียง Netflix เองก็ตาม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว HOOQ ประกาศชำระบัญชี (Liquidation) ซึ่งเป็นศัพท์ทางบัญชี หมายถึงกระบวนการเลิกกิจการและขายทรัพย์สินที่มีอยู่เพื่อชำระหนี้ หลังจากที่ไม่สามารถเติมโตได้ตามเป้าที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งผู้ลงทุนรายใหญ่ในบริษัทนี้ประกอบไปด้วย Singtel (ผู้ถือหุ้นใหญ่), Sony Pictures และ Warner Bros Entertainment
ถึงแม้ว่า HOOQ เองจะมีนายทุนใหญ่อยู่เบื้องหลัง มีทั้งพลังในเรื่องของเงินและผู้ผลิตภาพยนตร์ และในปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 80 ล้านคน อยู่ในแถบประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ แม้ว่าในประเทศไทยจะแทบไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก แต่ในประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และอินเดีย ถือว่าดีทีเดียว
ในการให้บริการถึงแม้ตัว HOOQ จะค่อนข้างมีที่ยืนในฐานะ Subscription Video on Demand รวมทั้งแง่ของจำนวนผู้ใช้งาน แต่ก็ต้องบอกว่าธุรกิจประเภทนี้มีรายจ่ายที่สูงยิ่งกว่า เพื่อแย่งกันหา Content ที่ดีไม่ว่าจะเป็นหนังใหม่ หรือว่าจะเป็นเรื่องของความ Exclusivity ทั้งในแง่ของซีรีย์ดัง ๆ หรือกีฬาเองก็ตาม
ปัจจุบันหากพูดถึงบริการ Subscription Video on Demand จะมีเจ้าใหญ่เป็น Netflix, HBO GO และ Apple TV ที่แต่ละช่องก็มีจุดแข่งที่แตกต่างกันออกไป ส่วนเรื่องของ HOOQ ในประเทศไทยก็คงต้องคอยติดตามดูกันต่อไป ว่าจะมีการให้บริการต่อเนื่องไปจนถึงเมื่อไหร่ ส่วนในประเทศไทยจากเดิมมี Primetime, iFlix, HOOQ และ Hollywood HD ปัจจุบันก็เหลือเพียงแค่ iFlix เท่านั้น
ที่มา – techcrunch.com