เมื่อเดือนช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Apple ได้เปิดตัว MacBook Air และ MacBook Pro รุ่นใหม่ ปี 2019 ซึ่งเป็นรุ่นปรับสเปคและมีราคาที่ถูกขึ้นจากเดิม สำหรับคนที่ซื้อ Mac มาใหม่ทีมงานมีแอปดีๆ สำหรับ Mac มาแนะนำให้ชมกันค่ะ
โปรแกรมหรือแอปดีๆ สำหรับ Mac ที่ควรมีติดเครื่อง อัปเดต ก.ค. 2019
รายชื่อแอปบนเครื่อง Mac ที่แนะนำให้เลือกดาวน์โหลดและติดตั้งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน มี 40 กว่ารายการ ดังนี้
- Safari (ฟรี มาพร้อม macOS) – เอาไว้เปิดท่องเว็บใช้บ่อยสุดชอบที่โหลดเร็ว จำรหัสผ่านพ่วงกับ iCloud Keychain ได้ ส่วนที่ไม่ชอบก็มีนะอย่างพวกไม่มี Fav icon แสดงที่แถบแต่ว่าเดี๋ยวจะมาพร้อม macOS Mojave แล้วก็ดู YouTube ไม่รองรับ 4K อันนี้ไม่ชอบอย่างหนัก แต่ก็ใช้งานทุกวันและบ่อยมาก
- Google Chrome (ฟรี) – เปิดท่องเว็บเหมือน Safari แต่เน้นใช้งานกับฝั่ง Google ชอบที่เพิ่ม User แยกบัญชีได้หลายคน, ลง Extension อื่นๆ เพิ่มได้เยอะ, ใช้งานกับ Google Drive และ Google Service ได้เต็มประสิทธิภาพ แน่นอนว่าดูวิดีโอ 4K บน YouTube ชัดแจ๋ว โหลดเลยแนะนำ
- Clean My Mac X – เป็นเครื่องมือทำความสะอาดเครื่อง Mac กำจัดขยะต่างๆ ได้ง่าย ทำให้พื้นที่ในเครื่องเพิ่มขึ้น และมีแนะนำให้ปิด Service ที่ไม่ได้ใช้งาน ช่วยให้การใช้งาน Mac ราบรื่นมากขึ้น แนะนำว่าต้องมีติดเครื่องจริงๆ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากใช้งานฟีเจอร์เต็ม)
- Keynote (ฟรี มาพร้อม macOS) – ถ้าหากคุณเคยใช้งาน Microsoft PowerPoint ในการสร้างไฟล์นำเสนอผลงานหละก็ แอปนี้ก็เหมือนกัน จำว่ามันคือ PowerPoint จากฝั่ง Apple แล้วกัน ความดีงามของแอนปนี้มีเยอะมาก มีเทมเพลตให้เลือกใช้งานเยอะแถมการใช้งานก็สุดแสนจะง่าย หัดใช้งานเอาไว้รับรองจะหลงรัก อีกฟีเจอร์ที่เด็ดคือเราสามารถแก้ไขไฟล์นำเสนอพร้อมกันหลายๆ คนได้ในเวลาเดียวกัน
- Numbers (ฟรี มาพร้อม macOS) – แอปตารางเหมือนกับ Microsoft Excel ใส่ตัวเลข คำนวณข้อมูล การสร้างกราฟจากตัวเลขข้อมูลต่างๆ ทำได้เยี่ยมเช่นกัน สรรพคุณถ้าให้พูดนั้นก็คงบรรยายไม่หมดแต่บอกได้เลยว่าแอปนี้ของดีมากๆ และเจ๋งที่ Apple แถมมาให้ด้วยเลยไม่ต้องซื้อเพิ่มเหมือน Microsoft Office บน Windows
- Pages (ฟรี มาพร้อม macOS) – สำหรับงานพิมพ์เอกสาร Document ต่างๆ ที่เหมือนกับ Microsoft Word ใช้งานง่ายดาย มีเทมเพลตให้เลือก ใช้งานร่วมกับ iPhone iPad ซิงก์ไฟล์ผ่าน iCloud ก็สบายๆ แอปฟรีที่ Apple แถมมาให้พร้อม macOS ไปหัดลองใช้กันได้เลย
- Preview (ฟรี มาพร้อม macOS) – แอปสำหรับเปิดไฟล์อย่างรูปภาพ PDF จุดเด่นคือสามารถแก้ไขไฟล์เหล่านั้นได้ เช่น เพิ่ม annotation, ปรับขนาดรูปภาพ, ปรับแสง, การใส่คอมเมนต์ลงไป, การเพิ่มหรือลบหน้าไฟล์ PDF ฯลฯ เห็นว่าเป็นแอปพื้นฐานแต่บอกเลยว่าความสามารถเหลือล้นจริงๆ
- Magnet (35 บาท) – แอปสำหรัปจัดหน้าต่างแอปบน Mac ให้แสดงผลบนจอใหญ่แบบเป็นสัดส่วนแบบ Snap Assist ของ Windows แอปที่ต้องมี ใช้งานง่ายและสะดวกมาก ชมการใช้งานที่นี่
- LINE (ฟรี) – ใช้งาน LINE Chat บน PC ทั้งแชทกลุ่มทำงาน กลุ่มเพื่อน กลุ่มครอบครัวพิมพ์ตอบได้รัวๆ ไม่ต้องง้อ iPhone ตอนนั่งเล่นหน้าคอมฯ
- Atom (ฟรี) – แอป text editor สำหรับแก้ไขไฟล์ text และหรับเหล่านักพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ แอปนี้ดีที่ใช้งานได้ฟรี ลูกเล่นมีเยอะมากใครสายงาน Programer ต้องห้ามพลาด
- iMovie (ฟรี มาพร้อม macOS) – แอปตัดต่อวิดีโอสำหรับมือใหม่ มือสมัครเล่น แม้กระทั่งเด็กประถมก็สามารถใช้งานได้ คุณจะถ่ายรูปหรือวิดีโอจาก iPhone แล้วนำมาตัดต่อเพิ่มเติม ใส่เพลง ใส่ตัวหนังสือหรือจะสร้างหนังตัวอย่างง่ายๆ ก็ทำได้เช่นกัน แอปนี้ของดีที่บอกเลยว่าผู้ใช้ Mac มือใหม่ไม่ต้องไปหาแอปอื่นมาแทนที่ ถ้าใช้แอปนี้เป็นรับรองเลยว่า “งานดี”
- Final Cut Pro X (10,500 บาท) – แอปตัดต่อไฟล์วิดีโอขั้นสูงกว่า iMovie เวอร์ชันนี้หากใครต้องการตัดต่อวิดีโอเชิงลึกและใช้งานแสนงานพร้อมด้วย Plugin ต่างๆ ให้ใช้งานกันเยอะแยะแนะนำเลยว่าคุ้มใช้งานง่ายมาก
- mInstaller (ฟรี) – ปลั๊กอินเสริมสำหรับแอป Final Cut Pro X มีเทลมเพลตต่างๆ ในการตัดต่อวิดีโอให้เลือกมากมายไม่ว่าจะใส่ Text, ใส่ Effect หรือแม้กระทั่ง LUT สำหรับปรับโทนสีให้กับวิดีโอก็ทำได้อย่างง่ายและประหยัดเวลาได้อย่างเยอะ ส่วนเสริมใน mInstaller มีทั้งโหลดฟรีและต้องเสียเงินซื้อ แต่เชื่อเถอะว่าคุ้ม
- Affinity Photo (1,750 บาท) – ถ้าคุณคุ้นเคยกับ Photoshop แล้วหละก็แอปนี้ก็เหมือนกัน มันคือเครื่องมือตัดแต่งภาพขั้นเทพอีกหนึ่งตัว สาเหตุที่ผมเลือกมาใช้งานก็เพราะว่าแอปนี้ออกแบบมาเพื่อ Mac โดยเฉพาะ ประมวลผลเร็วมาก ใช้งานได้ง่ายและที่สำคัญจ่ายครั้งเดียวซื้อแอปและสามารถอัปเดตได้ตลอด อีกทั้งใช้งานร่วมกับ Affinity Photo เวอร์ชัน iPad ได้อีกด้วย
- Adobe Lightroom (เช่ารายเดือนเริ่มต้น 350 บาท) – แอปสำหรับการปรับแสงให้กับรูปภาพ ช่างภาพที่เล่นกล้องส่วนใหญ่ใช้แอปนี้กันหมดเลย ฟีเจอร์เยอะมากจนผมยังใช้งานไม่หมด ส่วนมากเอาไว้แต่งภาพที่ถ่ายมาเยอะๆ ปรับแสง ใส่ฟิลเตอร์และ export รูปพร้อมใส่ลายน้ำทีหละหลายๆ รูป ที่ยอมสมัคร Adobe Creative Cloud ก็เพราะแอปนี้แหละ
- mimoLive (ฟรี) – สำหรับการทำ Live ลง Facebook + YouTube แอปโหลดฟรีแต่ว่าต้องสมัครบริการรายเดือนหรือรายปี สิ่งที่ชอบคือแอปนี้ลูกเล่นเยอะมาก ทำ Live ลง YouTube + Facebook ได้พร้อมกันเลย, ใส่เอฟเฟกต์ต่างๆ ได้เยอะแยะ, เชิญคนอื่นมาออกรายการสดพร้อมกับเราได้ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน ตอบโจทย์มากๆ
- Napkin (1,400 บาท) – แอปนี้สำหรับตัดแปะภาพหรือจะเลือก capture รูปจากหน้าจอมาลงแล้วเพิ่มลูกศร ตัวหนังสือ หรือลูกเล่นอื่นๆ ก็สะดวกไปอีก
- Downie ($19.99) – ถ้าหากคุณเป็นสายดาวน์โหลดจาก YouTube, Facebook หรือเว็บอื่นๆ จากอินเทอร์เน็ต แอปนี้ช่วยได้ดีมากๆ ดาวน์โหลดเร็วและง่ายดายมากๆ แอปอัปเดตเรื่อยๆ ตามการอัปเดตของ YouTube สะดวกสำหรับใครต้องการโหลดคลิปมาตัดต่อ (อย่าลืมเช็คเรื่องลิขสิทธิ์ของคลิปนั้นๆ ด้วยนะ)
- Google+ Featured Photo Screensaver (ฟรี) – หากใครที่ใช้งาน Mac อยู่และกำลังมองหา Screensaver สวยๆ ไว้เปิดเมื่อตอนที่เราไม่ได้ใช้เครื่อง มีแอป Google+ Featured Photo Screensaver ดาวน์โหลดติดเครื่องไว้รับรองสวยแน่นอน ชมการใช้งานที่นี่
- Spotify (ฟรี) – แอปสำหรับฟังเพลงจาก Spotify ถ้าหากคุณใช้งานบน iPhone, iPad และอยากฟังบน Mac ก็โหลดแอปนี้มาลงได้เลย ชอบที่มีเพลงฟรีให้ฟังและ Playlist จัดได้โดนใจมากๆ เอาไว้ฟังชิวๆ หากต้องการฟังแบบคุณภาพเสียงที่สูงก็สมัครรายเดือนใช้งานได้เช่นกัน
- iTunes (ฟรี มาพร้อม macOS) – เทียบกับแอปฝั่ง Windows ก็คือ Windows Media Player นั่นเอง สำหรับ iTunes นั่นหลักๆ ก็เอาไว้เปิดไฟล์เพลงต่างๆ นอกจากนี้ก็เอาไว้ซิงก์ข้อมูลจัดการกับ iPhone, iPad พร้อมด้วยการเลือกซื้อหรือเช่าเพลง, ภาพยนต์, หนังสือ ฯลฯ จาก iTunes Store
- FileZilla (ฟรี) – แอป FTP Client สำหรับสายพัฒนาเว็บที่ต้องการอัปโหลดหรือดาวน์โหลดไฟล์จากคอมพิวเตอร์ของเราขึ้นไปที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์ แอปนี้ใช้งานง่าย ความเร็วดี ฟรีและอัปเดตบ่อย
- Mockuuups Studio – แอปสำหรับการทำ Mockup ภาพตัวอย่าง เช่น การนำภาพ screenshot ของ Mac, iPhone มาลงแอปนี้จะได้ภาพกราฟฟิกที่สวยๆ พร้อมนำไปใช้ในการนำเสนอผลงานต่อไป แอปโหลดฟรีแต่ต้องสมัครใช้งานรายเดือนอีกที เดือนละประมาณ $10 USD
- Vernissage Pro (489 บาท) – แอปนี้จะคล้ายคลึงกับ Mockuuups Studio แต่ว่าจะเน้นที่ภาพ screenshot นำมาต่อๆ กัน สามารถไปประยุกต์แต่งต่อในแอปอื่นๆ ได้ เหมาะกับการนำเสนอซอฟต์แวร์ที่พัฒนามาใช้กับสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์ไอทีอื่นๆ
- HandBrake (ฟรี) – แอปเพลงไฟล์วิดีโอแต่เดิมเอาไว้แปลไฟล์หนังแล้วโอนลง iPhone ข้อดีคือไฟล์ใหญ่ๆ จะเล็กลงเยอะมาก ปัจจุบันความสามารถนั้นก็ทำได้อยู่นะ แต่หลักๆ ผมจะใช้ย่อขนาดไฟล์คลิปที่ตัดต่อจาก Final Cut Pro X ย่อลงให้เล็กก่อนที่จะอัปโหลดขึ้น YouTube หรือ Facebook แอปนี้ดีมาก ฟรีด้วยแถมมี preset การแปลงไฟล์ให้เลือกได้ด้วย
- The Unarchiver (ฟรี) – ใช้สำหรับการแตกไฟล์พวก .zip, .rar
- Dropbox (ฟรี) – แอปของบริการ Cloud จาก Dropbox เอาไว้ซิงก์ไฟล์ที่อยู่บน Cloud กับเครื่อง Mac ได้ง่ายประหยัดเวลา
- Image Bucket Pro (249 บาท) – ใช้สำหรับย่อไฟล์รูปภาพพร้อมกันหลายๆ ไฟล์, ใส่ลายน้ำลงบนภาพถ่ายของเราพร้อมกันได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องพึ่งแอปอย่าง Lightroom นั่นคือความสามารถของแอปนี้ ใช้งานง่ายและเสร็จรวดเร็วได้ผลตามที่ต้องการ
- ImageOptim (ฟรี) – แอปสำหรับลดขนาดไฟล์รูปภาพโดยที่ยังคงคุณภาพของรูปดเหล่านั้นเอาไว้ไม่ให้เสีย สิ่งที่ได้คือภาพความละเอียดเกือบเท่าเดิม ดูชัดเหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมคือไฟล์เล็กลงกว่าเดิมมาก เหมาะสำหรับคนทำเว็บไซต์ที่ต้องอัปโหลดรูปขึ้นเว็บเพื่อให้รูปเหล่านั้นถูกโหลดมาแสดงผลได้เร็วมากยิ่งขึ้น
- MenuBar Stats (179 บาท)– แอปสำหรับแสดงสถิติต่างๆ ของระบบ macOS บน Status Bar เพื่อดูว่าระบบนั้นเป็นเช่นไร ปกติเอาไว้ดูความเร็วของการดาวน์โหลดอัปโหลดของอินเทอร์เน็ต, ดูการทำงานของ CPU, ดูพื้นที่ที่เหลือของความจำในตัวเครื่อง ฯลฯ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่มือประโยชน์อีกระดับสำหรับ Geek ทั้งหลาย
- Microsoft NFFS for Mac – ชื่อเดิม Paragon NTFS เป็นแอปที่ช่วยให้ macOS สามารถเขียนไฟล์ลงบน External Hard Drive ที่ File System เป็น NTFS ถ้าไม่ลงแอปนี้(หรือแอปทำนองเดียวกัน) จะทำได้แค่อ่านไฟล์ได้เท่านั้นแต่ไม่สามารถเขียนกลับไปได้
- VLC (ฟรี) – สำหรับเปิดไฟล์วิดีโอแทบจะรองรับทุกนามสกุลมีไว้แอปเดียวดูได้ครอบจักรวาล
- uTorrent – แอปสำหรับดาวน์โหลดไฟล์ .torrent จากอินเทอร์เน็ต
- Pixelmator Pro (1,400 บาท) – แอปแต่งรูปสำหรับ Mac โดยเฉพาะ คล้ายกับ Adobe Photoshop ใช้งานง่าย มีฟีเจอร์การปรับแต่งภาพที่จำเป็นครบถ้วน มีฟิลเตอร์การปรับแต่งรูปภาพหลากหลาย รองรับ Dark Mode ด้วย
- Slack (ฟรี) – สำหรับการติดต่อสื่อสารงานภายในองค์กร ให้ผู้ร่วมงานสามารถพูดคุยกัน ส่งไฟล์ รูปภาพ วิดีโอ ลิงค์ และโค้ดต่างๆ ได้ง่าย เหมือนรูปแบบห้องแชทสื่อสารได้รวดเร็วและทันสมัย
- Trello (ฟรี) – แอปนี้มีลักษณะคล้ายกับกระดานแปะ Post it ที่ให้คนทำงานสามารถรับรู้สถานะงาน และย้าย Post it เพื่ออัปเดตสถานะงานได้ ใช้ทำงานร่วมกันภายในทีมงาน
- LastPass Password Manager (ฟรี) – แอปบันทึกรหัสผ่านยอดนิยม สำหรับใครที่ชอบลืมรหัสผ่านในการเข้าถึงแอปหรือเว็บไซต์ สามารถบันทึกข้อมูลล็อกอินทั้งบัญชีและรหัสผ่านในแอปนี้ได้เลย ถ้าหากใช้ Chrome ก็สามารถติดตั้งเป็นส่วนขยายได้เลย การล็อกอินในเว็บก็จะง่ายขึ้น
- Microsoft 365 – คนที่ใช้งานโปรแกรมเอกสารทั้ง macOS และ Windows อาจจะยังคงคุ้นเคยกับ Microsoft Office อยู่ ก็สามารถดาวน์โหลดแอปเหล่านี้มาใช้งานได้เช่นกัน (มีค่าใช้จ่ายภายในแอป) ได้แก่
- Agenda. – สำหรับคนที่ต้องติดตามงานอย่างเป็นจริงเป็นจัง รวมถึงต้องการให้แจ้งเตือนในเหตุการณ์ที่สำคัญ Agenda. ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ที่จะให้คุณสามารถจัดการงานและเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น และยังทำงานร่วมกับแอปเตือนความจำของ Apple ได้ด้วย (มีค่าใช้จ่ายภายในแอป)
- Gemini 2 – เครื่องมือจัดการไฟล์ที่ซ้ำซ้อนกันภายในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ เพลง หรือเอกสาร แอปก็จะค้นหาแสดงให้เห็นว่ามีไฟล์ที่ซ้ำซ้อน และในส่วนของรูปภาพยังสแกนได้อีกว่าภาพไหนที่เหมือนกัน (มีค่าใช้จ่ายภายในแอป)
ทั้งหมดนี้เป็นแอปที่ติดตั้งลงเครื่อง Mac ที่แนะนำว่าให้เลือกโหลดตามความจำเป็นและเหมาะการใช้งานของตนเอง ซึ่งใน Mac App Store ยังมีแอปในสายอาชีพอื่นๆ อีกมากมายให้เลือกดาวน์โหลด สามารถค้นหาตามหมวดหมู่ของแอปได้เลย
Mac User Thailand
เรามีกลุ่มผู้ใช้งาน Mac ใน Facebook ที่คอยพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน เชิญทุกท่านเข้าร่วมได้ที่ https://goo.gl/vhGZRG ไม่มีค่าใช้จ่าย