ใกล้จะถึงงานประชุมนักพัฒนา WWDC 2020 ที่เริ่มจัดในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ คาดว่า Apple จะเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่สำหรับทุก ๆ อุปกรณ์ เรามาชมสรุปฟีเจอร์ที่คาดว่าจะมาพร้อม watchOS 7 โดยสรุปจากข่าวลือที่รายงานมาก่อนหน้านี้กัน
ชมฟีเจอร์ที่คาดว่าจะมาพร้อม watchOS 7
1. หน้าปัด Watch Face ใหม่
watchSO 7 น่าจะมาพร้อมกับหน้าปัดนาฬิกาแบบใหม่ จากข่าวลือที่ผ่านมาหน้าปัดที่น่าสนใจก็คือหน้าปั Infograph Pro ที่มีมาตรวัดความเร็ว (Tachymeter) สำหรับการคำนวณความเร็วในการเดินทาง
นอกจากนี้ยังคาดว่ามีหน้าปัดอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาด้วย คือ หน้าปัดรูปภาพ โดยเลือกรูปภาพจากแอป Photos บน iPhone หรือ Apple Watch มาแสดงบนหน้าปัด และรองรับการเลือกรูปภาพจากอัลบั้มที่แชร์กันได้ด้วย และอีกหนึ่งหน้าปัดที่เคยมีข่าวลือว่าจะมาพร้อม watchOS 7 ก็คือหน้าปัด International ที่แสดงรูปธงชาติของแต่ละประเทศ
ยังคาดว่า watchOS 7 จะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Face Sharing สำหรับแชร์หน้าปัดให้กับผู้อื่นได้ เมื่อเราปรับแต่งหน้าปัดในแบบที่เราชอบ เรายังสามารถแชร์หน้าปัดที่ปรับแต่งแล้วให้กับผู้อื่นได้
2. โหมดสำหรับเด็ก (Kids Mode)
จากหลักฐานที่พบในชุดคำสั่ง iOS 14 คาดว่า watchOS 7 จะมาพร้อมโหมดสำหรับเด็ก (Kids Mode) ที่ออกแบบมาให้ผู้ปกครองจัดการหรือควบคุมการใช้งาน Apple Watch สำหรับเด็ก
ผู้ปกครองสามารถตั้งค่า Apple Watch ของเด็กได้ โดยจับคู่ Apple Watch ของเด็กกับ iPhone ของผู้ปกครอง หมายความว่า Apple Watch ของเด็กจะเชื่อมโยงบัญชี Apple ID ของผู้ปกครอง โดยที่เด็กไม่จำเป็นจะต้องมี iPhone
การมีโหมดสำหรับเด็กนั้น จะช่วยให้เด็กสามารถสื่อสารผ่าน Apple Watch ได้ และผู้ปกครองก็สามารถติดตามตำแหน่งที่ตั้งของเด็ก ๆ ได้
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า SchoolTime ให้ผู้ปกครองได้จัดการแอปพลิเคชันที่เด็ก ๆ สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลาที่จำเป็น เพื่อให้เด็กให้ใช้งาน Apple Watch ถูกเวลา ไม่รบกวนเวลาการเรียน
ยังมีข่าวลืออีกว่า Apple จะเพิ่มวงแหวนกิจกรรมสำหรับเด็กด้วย โดยอาจจะเปลี่ยนการติดตามแคลอรี่เป็นการติดตามการเคลื่อนไหวของเด็กให้ครบ 90 นาทีต่อวันแทน
3. ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2)
มาถึงฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่หลายคนให้ความสนใจกันบ้าง คาดว่า Apple กำลังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ “การตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2)” ถ้าพบระดับออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าระดับที่กำหนดก็จะมีการแจ้งเตือนให้ทราบ (ระดับปกติที่ถือว่าสุขภาพดีคือ 95 – 100%)
การแจ้งเตือนระดับออกซิเจนต่ำกว่าปกติ จะช่วยให้ผู้ใช้ทราบปัญหาสุขภาพได้ เช่น ร่างกายอาจะเกิดภาวะขาดออกซิเจน ทำให้สมองสั่งงานช้าลง หรืออาจจะถึงขั้นเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวหรือมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ [SpO2 สำคัญอย่างไร]
แต่ยังไม่แน่ชัดว่าฟีเจอร์ด้านสุขภาพใหม่ที่เพิ่มเข้ามานั้นจะสามารถใช้งานกับ Apple Watch รุ่นไหนได้ อาจจะใช้กับ Apple Watch Sereis 4 ขึ้นไป หรืออาจจะใช้งานได้กับ Apple Watch รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวปลายปีนี้
4. ติดตามการนอน (Sleep Tracking)
การเปิดตัว watchOS ใหม่ในปีนี้อาจจะเป็นปีที่ Apple เพิ่มฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับ (Sleep Tracking) เข้ามาบน Apple Watch
เดือนตุลาคมปีที่แล้วมีภาพหลุดสกรีนช็อตหน้าจอ Apple Watch คาดว่าจะเป็นหน้าจอของฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับ เนื่องจากแสดงชื่อแอปว่า “Sleep” ส่วนเรื่องการทำงาน Apple Watch จะติดตามคุณภาพการนอนของผู้ใช้จากเซ็นเซอร์และตัวชี้วัดหลาย ๆ อย่างที่วัดได้จาก Apple Watch รวมถึงอัตราการเต้นของหัวใจ เสียง และการเคลื่อนไหว
นอกจากนี้นาฬิกาปลุกก็จะทำงานร่วมกับฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับด้วย เช่น หากผู้ใช้ตื่นมาและเริ่มเคลื่อนไหวก่อนที่จะมีการปลุก นาฬิการปลุกก็จะปิดการทำงานอัตโนมัติ เนื่องจากผู้ใช้ตื่นแล้ว และคาดว่าจะมีโหมดนอนหลับที่จะทำให้หน้าจอ Apple Watch มืดลง รวมถึงเปิดโหมดห้ามรบกวนอัตโนมัติด้วย
และแอป Sleep อาจจะช่วยเตือนให้ผู้ใช้ชาร์จ Apple Watch ก่อนถึงเวลานอนด้วย เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ลืม ฟีเจอร์นี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะใช้กับอุปกรณ์เดิมได้หรือไม่ หรืออาจจะใช้ได้เฉพาะ Apple Watch Series 6 ที่คาดว่าจะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้
5. CarKey
อีกหนึ่งในฟีเจอร์ที่พบหลักฐานใน iOS 13.4 เวอร์ชัน Beta และชุดคำสั่ง iOS 14 คือ CarKey คาดว่าจะมาพร้อมกับ iOS 14 และ watchOS 7 โดย CarKey เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปลดล็อครถยนต์ด้วย iPhone และ Apple Watch ผ่าน NFC แทนกุญแจรถจริง อาจจะใช้กับอุปกรณ์รุ่นเดิมได้
และนี่ก็เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่คาดว่าจะมาพร้อมกับ watchOS 7 ในปีนี้ ยังมีข่าวลืออีกมากมายที่น่าสนใจ เช่น ฟีเจอร์การตรวจจับแพนิค การสแกนลายนิ้วมือ Touch ID ที่ปุ่ม Digital Crown เป็นต้น เราก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่า watchOS 7 ที่จะเปิดตัวในงาน WWDC 2020 นั้นจะมีอะไรใหม่บ้าง และฟีเจอร์ไหนใช้งานกับ Apple Watch รุ่นเดิมที่มีอยู่ได้บ้าง ชมข่าวลือ watchOS 7 เพิ่มเติมได้ที่ [คลิก]
ขอบคุณ 9to5mac