in

iPhone, AirPods, Apple watch รุ่นไหนกันน้ำได้บ้าง ?

ช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ชวนมาตรวจเช็คอุปกรณ์ Apple ของคุณก่อนออกไปเที่ยวกันดีกว่าว่าอุปกรณ์ต่างๆ  iPhone, Airpods, Applewatch รุ่นไหนกันน้ำได้บ้าง ? และความแตกต่างของการทนน้ำทนฝุ่นในแต่ละรุ่น เป็นอย่างไร ?

เกี่ยวกับคุณสมบัติการทนน้ำและทนฝุ่น

ความสามารถการทนน้ำและทนฝุ่นของผลิตภัณฑ์ของ Apple ไม่ใช่การกันน้ำแต่อย่างใด แต่คือความสามารถที่อุปกรณ์ต่างๆอย่าง iPhone, Airpods, Applwatch ถูกน้ำกระเซ็นใส่ หรือของเหลวหกใส่โดยไม่ตั้งใจ เช่น น้ำเปล่า โซดา กาแฟ ชา หรือ น้ำผลไม้

ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวนี้อาจลดลงได้ตามการใช้งานอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นยางกันซีลที่เสื่อมไปตามกาลเวลา อุปกรณ์ใช้ความร้อนสูง หรือ อุปกรณ์ตกหล่นและได้รับการกระแทกก็ส่งผลให้คุณสมบัตินี้ลดลงได้

ยกตัวอย่างมาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่นของอุปกรณณ์ Apple เช่น iPhone จะใช้มาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่นที่เห็นอยู่บ่อยๆ 2 มาตรฐาน ก็ คือ IP67 และ IP68

 

มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น (IP Standard)

IP หรือชื่อเต็มคือ International Protection Standard คือ มาตรฐานที่บอกถึงระดับในการกันน้ำกันฝุ่นของเครื่องจักร และอุปกรณ์ไฟฟ้า พัฒนาขึ้นโดย IEC (International Electrotechnical Commission) เทียบเท่ากับมาตรฐานยุโรป

โดยจะบ่งบอกระดับการทนน้ำทนฝุ่นออกเป็น ตัวเลข 2 หลัก

  • หลักแรก แสดงถึงระดับการป้องกันของฝุ่นหรือการสัมผัสโดยบังเอิญ ซึ่งจะมีระดับตั้งแต่ 0-6
  • หลักที่สอง แสดงถึงระดับการป้องกันน้ำ ซึ่งจะมีระดับตั้งแต่ 0-9

คุณสมบัติทนน้ำทนฝุ่นของ iPhone แต่ละรุ่น

iPhone รุ่นที่ Apple ไม่ได้ระบุถึงคุณสมบัติการทนน้ำทนฝุ่น

คุณสมบัตินี้ได้เพิ่มเข้ามาหลังจากการเปิดตัวของ iPhone 7 (7 กันยายน 2016) จึงทำให้มี iPhone จำนวนทั้งหมด 6 รุ่น ที่ไม่รองรับคุณสมบัติการทนน้ำทนฝุ่นได้แก่

  • iPhone
  • iPhone 3 Series (iPhone 3GS, iPhone 3G)
  • iPhone 4 Series (iPhone 4S, iPhone4)
  • iPhone 5 Series (iPhone 5S, iPhone 5C, iPhone 5)
  • iPhone 6 Series (iPhone 6S, iPhone6S Plus, iPhone6 plus, iPhone 6)
  • iPhone SE รุ่นที่ 1

 

iPhone รุ่นที่ Apple ระบุถึงคุณสมบัติการทนน้ำทนฝุ่น

iPhone รุ่นที่มีคุณสมบัติการทนน้ำทนฝุ่น ระดับ IP67 ตามมาตรฐาน IEC 60529
(ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) มีอยู่ทั้งหมด 7 รุ่น ดังนี้

  • iPhone 7
  • iPhone 7 Plus
  • iPhone 8
  • iPhone 8 Plus
  • iPhone X
  • iPhone XR
  • iPhone SE (รุ่นที่ 3)
  • iPhone SE (รุ่นที่ 2)

 

iPhone รุ่นที่มีคุณสมบัติการทนน้ำทนฝุ่น ระดับอยู่ที่ IP68 ตามมาตรฐาน IEC 60529
(ความลึกไม่เกิน 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) มีอยู่ทั้งหมด 3 รุ่น ดังนี้

  • iPhone XS
  • iPhone XS Max
  • iPhone 11

 

iPhone รุ่นที่มีคุณสมบัติการทนน้ำทนฝุ่น ระดับอยู่ที่ IP68 ตามมาตรฐาน IEC 60529
(ความลึกไม่เกิน 4 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) มีอยู่ทั้งหมด 2 รุ่น ดังนี้

  • iPhone 11 Pro
  • iPhone 11 Pro Max

 

iPhone รุ่นที่มีคุณสมบัติการทนน้ำทนฝุ่น ระดับอยู่ที่ IP68 ตามมาตรฐาน IEC 60529 (ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) มีอยู่ทั้งหมด 8 รุ่น ดังนี้

  • iPhone 12
  • iPhone 12 mini
  • iPhone 12 Pro
  • iPhone 12 Pro Max
  • iPhone 13
  • iPhone 13 mini
  • iPhone 13 Pro
  • iPhone 13 Pro Max

คุณสมบัติ การทนเหงื่อและทนน้ำของ AirPods

ทางด้านของ AirPods จะเรียกคุณสมบัติตรงนี้ว่า คุณสมบัติการทนเหงื่อและทนน้ำแทน ซึ่งมีการป้องกันอยู่ที่ระดับ IPX4 ตามมาตรฐาน IEC 60529 (มักจะเห็นได้ในอุปกรณ์ Gadget, ลำโพง, หูฟัง ต่างๆ สามารถป้องกันละอองน้ำ จากเหงื่อ หรือฝน จากทุกทิศทางได้)

ซึ่งความสามารถในการทนเหงื่อและน้ำจะไม่คงอยู่ถาวร ซึ่งความสามารถดังกล่าวอาจลดลงจากการใช้งานตามปกติเหมือนกับ iPhone

AirPods รุ่นที่ Apple ไม่ได้ระบุคุณสมบัติการทนเหงื่อและทนน้ำ

  • AirPods รุ่นที่ 1
  • AirPods รุ่นที่ 2
  • AirPods Max

AirPods รุ่นที่ Apple ระบุคุณสมบัติการทนเหงื่อและทนน้ำ

  • AirPods รุ่นที่ 3
  • AirPods Pro

 

คุณสมบัติในการทนน้ำของ Apple watch แต่ละรุ่น

Apple Watch สามารถทนน้ำได้ แต่ไม่กันน้ำ ยกตัวอย่างเช่น สามารถอาจสวมใส่และใช้งาน Apple Watch ได้ ขณะออกกำลังกาย (สัมผัสถูกหยดเหงื่อได้โดยไม่มีปัญหา) สามารถตากฝน และโดนน้ำขณะล้างมือได้

แบ่งออกเป็น 2 คุณสมบัติในการทนน้ำดังนี้

ความสามารถในการทนน้ำที่ระดับ IPX7 ตามมาตรฐาน IEC 60529

มาตรฐาน IPX7 สามารถป้องกันการแทรกซึมของน้ำ จากการแช่ตัวอุปกรณ์ในน้ำลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นระยะเวลาสูงสุด 30 นาที

  • Apple Watch Series 1

สามารถทนน้ำและน้ำที่กระเด็นใส่ แต่ไม่แนะนำให้นำ Apple Watch Series 1 จุ่มลงไปในน้ำ

 

คุณสมบัติการทนน้ำที่ระดับ 50 เมตรตามมาตรฐาน ISO 22810:2010

อาจสามารถใช้ในกิจกรรมน้ำตื้น เช่น การว่ายน้ำในสระหรือทะเล แต่ไม่ควรใช้ในการดำน้ำลึก การเล่นสกีน้ำ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำที่มีความเร็วสูง

  • Apple Watch Series 2
  • Apple Watch Series 3
  • Apple Watch Series 4
  • Apple Watch Series 5
  • Apple Watch Series 6
  • Apple Watch Series 7

สายนาฬิกาแบบ Classic Buckle, Leather Loop, Modern Buckle, Milanese Loop และ Link Bracelet ไม่มีความสามารถในการทนน้ำ

หากอุปกรณ์เปียกน้ำควรทำอย่างไร ?

  • ล้างบริเวณที่ได้รับผลกระทบด้วยน้ำ เช็ดอุปกรณ์ ด้วยผ้านุ่มที่ไม่เป็นขุย เพื่อป้องกันขุยผ้าติดตามซอกของอุปกรณ์ เช่น ผ้าเช็ดเลนส์
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่า อุปกรณ์ แห้งสนิท ก่อนเปิดใช้งาน (iPhone, Airpods) อย่าเชื่อมต่อการชาร์จอุปกรณ์
  • ใน Apple Watch สามารถเปิดโหมดไล่น้ำได้
  • หากต้องการทำให้ iPhone แห้ง ให้คว่ำขั้วต่อ Lightning ลง แล้วเคาะเบาๆ บนมือเพื่อสะบัดของเหลวที่ตกค้างออกมา
  • ในกรณีที่ iPhone โดนน้ำ หรือ จุ่มน้ำแล้วเครื่องดับ ให้รีบเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์จนแห้งสนิท ไม่ควรเสียบสายชาร์จ เพราะอาจะทำให้เกิดการลัดวงจรข้างในตัวเครื่อง และ ไม่ควรแช่ iPhone ในถังข้าวสาร เพราะ

 

สรุป

คุณสมบัติของการทนน้ำทนฝุ่นของอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น iPhone, AirPods, Apple Watch สามารถทนน้ำได้ แต่ไม่ควรนำไปจุ่มน้ำเพื่อทดสอบเนื่องจากความสามารถนี้ ไม่ใช่การกันน้ำแต่อย่างใด ซึ่งความทนดังกล่าวนี้อาจลดลงจากการใช้งานตามปกติได้

และไม่แนะนำ ให้นำไปสัมผัสกับสบู่ แชมพู ครีมนวดผม โลชั่น และน้ำหอม เนื่องจากสิ่งเหล่านี้มีผลเสียต่อผนึกกันน้ำและแผ่นอะคูสติก หากอุปกรณ์สัมผัสกับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่น้ำสะอาด

สำหรับความเสียหายจากของเหลวจะไม่รวมอยู่ในการคุ้มครองภายใต้การรับประกันแบบจำกัดระยะเวลาหนึ่งปีของ Apple

สามารถอ่านรายละเอียดการรับประกันเพิ่มเติมได้ที่ : การรับประกันไม่ครอบคลุมความเสียหายจากน้ำหรือของเหลวอื่นๆ ต่อ iPhone หรือ iPod

 

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Keattisak Moonrin