Apple ปล่อยอัปเดต watchOS 7.2 ให้ผู้ใช้ทั่วไปได้อัปเดตกันแล้ว และหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์เวอร์ชันนี้ก็คือ การตรวจวัดและแจ้งเตือนระดับคาร์ดิโอฟิตเนส (Cardio Fitness) ของร่างกายผู้ใช้ มาชมกันว่าฟีเจอร์นี้ทำงานอย่างไร
คาร์ดิโอฟิตเนส (Cardio Fitness) ใน watchOS 7.2 สำคัญกับสุขภาพอย่างไร
ใน iOS 14.3 และ watchOS 7.2 ได้เพิ่มการวัดแบบใหม่เข้ามาชื่อว่า คาร์ดิโอฟิตเนส (Cardio Fitness) ซึ่งจะใช้ Apple Watch ช่วยวัดระดับความฟิตของร่างกาย โดยวัดจากการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอแล้วนำผลลัพธ์บันทึกไปยังแอปสุขภาพ (Health) ให้ผู้ใช้ได้ติดตามระดับคาร์ดิโอฟิตเนส (ระดับความฟิต) ของตนเองว่าอยู่ในระดับไหน
พร้อมกันนี้ยังนำผลลัพธ์ที่ได้ไปเทียบกับคนในกลุ่มเพศและอายุเดียวกันกับผู้ใช้ ตามฐานข้อมูลของ Fitness Registry and Importance of Exercise National Database (FRIEND) เพื่อแบ่งกลุ่มฟิตเนสแบบคาร์ดิโอที่มีอยู่ด้วยกัน 4 ระดับ คือ ระดับสูง, สูงกว่าค่าเฉลี่ย, ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และระดับต่ำ
การวัดระดับคาร์ดิโอฟิตเนส (Cardio Fitness)
โดยการวัดระดับคาร์ดิโอฟิตเนสนั้นจะใช้การวัดค่า VO2 max เป็นค่าปริมาณออกซิเจนสูงสุดที่ร่างกายสามารถใช้ได้ในระหว่างที่ออกกำลังกาย ฟีเจอร์นี้มาพร้อมกับ watchOS 7 ที่ปล่อยอัปเดตมาก่อนหน้านี้ ซึ่ง Apple Watch จะใช้เซ็นเซอร์หลายตัวทั้งเซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคอล, GPS และอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวในการประเมินระดับฟิตเนสที่ต่ำกว่าเกณฑ์และบันทึกค่า VO2 max
โดยปกติแล้วการวัดค่า VO2 max จะต้องใช้การทดสอบทางคลินิกอย่างเข้มข้นด้วยอุปกรณ์พิเศษ ที่ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าถึงได้ แต่ใน watchOS 7 สามารถวัดค่า VO2 max เมื่อผู้ใช้เดินไประหว่างวันได้ ถึงแม้ไม่ได้ติดตามการออกกำลังกาย ค่า VO2 max ยิ่งสูงถือว่ายิ่งดี เพราะถือว่าร่างกายของเรายังฟิต (เมื่อเทียบตามเพศและอายุ)
การแจ้งเตือนระดับคาร์โอฟิตเนสต่ำ (Low)
นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถตั้งค่ารับการแจ้งเตือนบน Apple Watch ได้ เมื่อเครื่องตรวจวัดว่าระดับคาร์ดิโอของเราอยู่ไหนระดับต่ำ (Low) โดยจะแจ้งเตือนทุก ๆ 4 เดือน
การแจ้งเตือนนี้จะเป็นข้อมูลให้เราปรับปรุงการออกกำลังกายให้เข้มข้นขึ้น พัฒนาระดับความฟิตเพื่อพัฒนาการที่ดีขึ้น หรือหากพบว่าระดับคาร์ดิโอต่ำลงก็อาจจะนำข้อมูลพิจารณาไปพบแพทย์
อย่างเช่น หากเราพบว่าระดับคาร์ดิโอของเรายังคงอยู่ในระดับต่ำ นั่นอาจจะหมายถึงเรามีปัญหาเกี่ยวกับโรคปอดหรืออาการของโรคหัวใจที่สูบฉีดเลือดได้ยาก จึงทำให้ระดับคาร์ดิโอฟิตเนสต่ำลง
สรุปได้ว่าใน watchOS 7.2 ได้เพิ่มการรายงานข้อมูลระดับคาร์ดิโอและการแจ้งเตือนเมื่อระดับคาร์ดิโออยู่ในระดับต่ำ เพื่อให้ผู้ใช้ทราบระดับความฟิตของตนเองจากการวัดค่า VO2 max ที่ได้จากการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ช่วยเป็นแรงผลักดันในการเพิ่มความเข้มข้นและพัฒนาการออกกำลังกายให้ดีขึ้น
โดยปกติแล้ว คนส่วนใหญ่คิดว่า VO2 max นั้นจะใช้สำหรับนักกีฬาหรือนักวิ่งที่ต้องฝึกซ้อมและติดตามความฟิตอยู่เป็นประจำ แต่เมื่อฟีเจอร์นี้มาอยู่บน Apple Watch ก็ช่วยให้ผู้ออกกำลังกายทั่วไปได้ติดตามระดับความฟิตของตนเองได้ รวมถึงยังช่วยทำนายสุขภาพโดยรวมของเราได้อีกด้วย
ฟีเจอร์นี้รองรับบน Apple Watch Series 3 ขึ้นไป
ข้อมูลเพิ่มเติม Newsroom