ในช่วงต้นปี 2022 ถ้าอยากอัปเกรดหรือซื้อ iPhone เครื่องใหม่มาใช้ จะเลือกซื้อรุ่นไหนดี ทีมงานสรุปให้แล้วทั้งคนงบน้อยและคนงบเยอะ มาดูกันเลย
ถ้าจะซื้อ iPhone เครื่องใหม่ จะอัปเกรดไปใช้รุ่นไหนดี ? (อัปเดตต้นปี 2022)
หลังจากที่มีการเปิดตัว iPhone SE 3 เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้มี iPhone หลายรุ่นให้เราเลือกซื้อ ซึ่งจะได้แก่ iPhone SE 3, iPhone 11, iPhone 12, iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max
สำหรับคนที่งบน้อย มีงบไม่เกิน 20,000 บาท แนะนำ iPhone ทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่
- iPhone SE 3
- iPhone 11
สำหรับคนที่งบเยอะ แนะนำ iPhone ทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่
- iPhone 12
- iPhone 13
- iPhone 13 Pro
- iPhone 13 Pro Max
มาดูจุดเด่นของ iPhone แต่ละรุ่น เพื่อจะช่วยในการประกอบการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
iPhone SE 3 (สำหรับคนงบน้อย)
คนงบน้อยที่ยังชอบใช้งาน iPhone เครื่องเล็ก และยังชอบการยืนยันตัวตนด้วยวิธีสแกนนิ้วอยู่ ขอแนะนำ iPhone SE 3 ซึ่งเป็น iPhone เครื่องเล็ก สเปคแรง ราคาคุ้มค่า
จุดเด่น iPhone SE 3
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบเดิม พร้อมการสแกน Touch ID ที่ปุ่ม Home
- หน้าจอ Retina HD 4.7″
- กล้องหลัง 1 ตัว เลนส์ไวด์ความละเอียด 12MP
- ชิป A15 Bionic (แบบเดียวกันกับ iPhone 13) ให้ประสิทธิภาพที่แรง
- รองรับ 5G เชื่อมต่อรวดเร็ว
- แบตเตอรี่ เล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 15 ชั่วโมง
- ทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP67 ทนน้ำลึกไม่เกิน 1 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
- มีคุณสมบัติการถ่ายภาพ “สไตล์ภาพถ่าย” (ที่มีอยู่ใน iPhone 13)
- มี HDR อัจฉริยะ 4 ช่วยในการถ่ายภาพที่ดีขึ้น
- มี Deep Fusion ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ช่วยเก็บรายละเอียดของรูปภาพ
- สามารถถ่ายวิดิโอ 4K 60fps ที่กล้องหลังได้ (กล้องหน้าไม่ไม่รองรับ)
iPhone SE 3 มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกัน ได้แก่ สตาร์ไลท์ มิดไนท์ และสีแดง [PRODUCT RED]
ราคาและความจุของ iPhone SE 3
- 64GB ราคา ฿15,900
- 128GB ราคา ฿17,900
- 256GB ราคา ฿21,900
อ่านรีวิว iPhone SE 3 เพิ่มเติม ที่นี่
🛒 ลิ้งก์สำหรับการสั่งซื้อ iPhone SE 3 : apple.com/iphonese3
iPhone 11 (สำหรับคนงบน้อย)
หากมีงบน้อยแล้วอยากอัปเกรดไปใช้ iPhone รุ่นที่จอใหญ่ขึ้น ใช้การสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน ดีไซน์ตัวเครื่องแบบใหม่แบบเต็มจอ ไร้ปุ่ม Home แนะนำ iPhone 11 ที่มีราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 หมื่นเช่นกัน
จุดเด่น iPhone 11
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบจอเต็มขอบไร้ปุ่ม Home มาพร้อมการสแกน Face ID
- หน้าจอ Liquid Retina HD 6.1″
- กล้องหลัง 2 ตัว ที่มีทั้งเลนส์ไวด์และอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP
- ชิป A13 Bionic ให้ประสิทธิภาพที่ดี
- รองรับ 4G
- แบตเตอรี่ เล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 17 ชั่วโมง
- ทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP68 ทนน้ำลึกไม่เกิน 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
- มีโหมดกลางคืน ช่วยเรื่องการถ่ายภาพในที่แสงน้อย
- มี Deep Fusion ที่กล้องหลัง ช่วยเก็บรายละเอียดของรูปภาพ
- สามารถถ่ายวิดิโอ 4K 60fps ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
iPhone 11 มีให้เลือกทั้งหมด 6 สีด้วยกัน ได้แก่ สีม่วง เขียว เหลือง ขาว ดำ และแดง [PRODUCT RED]
ราคาและความจุของ iPhone 11
- 64GB ราคา ฿19,500
- 128GB ราคา ฿21,500
อ่านรีวิว iPhone 11 เพิ่มเติม ที่นี่
🛒 ลิ้งก์สำหรับการสั่งซื้อ iPhone 11 : apple.com/iphone11
iPhone 12 (สำหรับคนงบเยอะ)
สำหรับคนที่มีงบเยอะ แล้วอยากได้ iPhone ราคากลาง ๆ รุ่นไม่เก่ามาก สเปคดี กล้องดี แนะนำเป็น iPhone 12 ที่มีราคาเริ่มต้นอยู่ 2 หมื่นกลาง ๆ ใช้งานยาว ๆ ได้ แถมยังรองรับ 5G
จุดเด่น iPhone 12
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบแบบเหลี่ยม จอเต็มขอบไร้ปุ่ม Home มาพร้อมการสแกน Face ID
- หน้าจอ Super Retina XDR 6.1″ (จอ OLED ให้ความคมชัด และสีสันชัดเจน)
- กล้องหลัง 2 ตัว ที่มีทั้งเลนส์ไวด์และอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP
- ชิป A14 Bionic ให้ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม
- รองรับ 5G เชื่อมต่อรวดเร็วทันใจ
- แบตเตอรี่ เล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 17 ชั่วโมง
- ทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP68 ทนน้ำลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
- ใช้กระจกหน้าจอแบบ Ceramic Shield ที่แข็งแกร่งกว่าหน้าจอของ iPhone 11 กว่า 4 เท่า
- รองรับการชาร์จไร้สายด้วย MagSafe และอุปกรณ์เสริม MagSafe อื่น ๆ ของ Apple
- มีโหมดกลางคืน ช่วยเรื่องการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี
- มี Deep Fusion ที่กล้องหลัง ช่วยเก็บรายละเอียดของรูปภาพ
- มี HDR อัจฉริยะ 3 ถ่ายภาพออกมาได้สวยงาม ทั้งสี แสง
- สามารถถ่ายวิดิโอ 4K 60fps ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
- สามารถถ่ายวิดิโอ HDR Dolby Vision 4K 30fps ได้
iPhone 12 มีให้เลือกทั้งหมด 6 สีด้วยกัน ได้แก่ สีเขียว ม่วง น้ำเงิน ขาว ดำ และแดง [PRODUCT RED]
ราคาและความจุของ iPhone 12
- 64GB ราคา ฿25,900
- 128GB ราคา ฿27,900
- 256GB ราคา ฿31,900
อ่านข้อมูล iPhone 12 เพิ่มเติม ที่นี่
🛒 ลิ้งก์สำหรับการสั่งซื้อ iPhone 12 : apple.com/iphone12
iPhone 13 (สำหรับคนงบเยอะ)
สำหรับคนที่ตั้งงบไว้ไม่เกิน 3 หมื่นบาท แล้วอยากจะใช้ iPhone รุ่นใหม่ล่าสุด แนะนำ iPhone 13 ด้วยชิปด้วยแรงที่สุดใน iPhone และดีไซน์การจัดวางกล้องแบบใหม่ ถือว่าเป็น iPhone สำหรับคนงบเยอะที่คุ้มค่ามาก ๆ
จุดเด่น iPhone 13
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบแบบเหลี่ยม จอเต็มขอบไร้ปุ่ม Home มาพร้อมการสแกน Face ID
- รอยบากที่หน้าจอเล็กลง
- หน้าจอ Super Retina XDR 6.1″ (จอ OLED ให้ความคมชัด และสีสันชัดเจน)
- กล้องหลัง 2 ตัว จัดวางใหม่เป็นแนวทะแยง ที่มีทั้งเลนส์ไวด์และอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP มีรูรับแสงที่ดีขึ้น
- ชิป A15 Bionic ให้ประสิทธิภาพที่เร็ว แรง
- รองรับ 5G เชื่อมต่อรวดเร็วทันใจ
- แบตเตอรี่ เล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 19 ชั่วโมง
- ทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP68 ทนน้ำลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
- ใช้กระจกหน้าจอแบบ Ceramic Shield ที่แข็งแกร่งกว่าหน้าจอของ iPhone 11 กว่า 4 เท่า
- รองรับการชาร์จไร้สายด้วย MagSafe และอุปกรณ์เสริม MagSafe อื่น ๆ ของ Apple
- มีโหมดกลางคืน ช่วยเรื่องการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี
- มี Deep Fusion ที่กล้องหลัง ช่วยเก็บรายละเอียดของรูปภาพ
- มี HDR อัจฉริยะ 4 ถ่ายภาพสวยงาม ทั้งสี แสง รายละเอียด
- คุณสมบัติการถ่านภาพใหม่ “สไตล์ภาพถ่าย”
- ถ่ายวิดีโอออกมาได้เหมือนภาพยนตร์ ด้วย Cinematic Mode
- สามารถถ่ายวิดิโอ 4K 60fps ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
- สามารถถ่ายวิดิโอ HDR Dolby Vision 4K 60fps ได้
iPhone 13 มีให้เลือกทั้งหมด 6 สีด้วยกัน ได้แก่ สีเขียว ชมพู น้ำเงิน มดไนท์ สตาร์ไลท์ และแดง [PRODUCT RED]
ราคาและความจุของ iPhone 13
- 128GB ราคา ฿29,900
- 256GB ราคา ฿33,900
- 512GB ราคา ฿41,900
อ่านข้อมูล iPhone 13 เพิ่มเติม ที่นี่
🛒 ลิ้งก์สำหรับการสั่งซื้อ iPhone 13 : apple.com/iphone13
iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max (สำหรับคนงบเยอะ)
สำหรับคนที่อยากจะอัปเกรด iPhone แบบเห็นความแตกต่างไปเลย ขอแนะนำ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ที่มีคุณสมบัติระดับโปรในแทบทุกด้าน เรียกได้ว่าเป็น iPhone รุ่นที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
จุดเด่น iPhone 13 Pro / iPhone 13 Pro Max
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบแบบเหลี่ยม จอเต็มขอบไร้ปุ่ม Home มาพร้อมการสแกน Face ID
- รอยบากที่หน้าจอเล็กลง
- iPhone 13 จอมีหน้าจอ Super Retina XDR 6.1″ ส่วน iPhone 13 Pro Max มีขนาดจออยู่ที่ 6.7″ (ทั้งคู่เป็นจอ OLED ให้ความคมชัด และสีสันชัดเจน)
- หน้าจอมีอัตรรีเฟรชเรตสูงสุดอยู่ที่ 120Hz ทำปและดูสิ่งต่าง ๆ ได้ลื่นไหลกว่า
- กล้องหลัง 3 ตัว ที่มีทั้งเลนส์ไวด์ อัลตร้าไวด์ และเลนส์เทเลโฟโต้ความละเอียด12MP มีรูรับแสงที่ดีขึ้น ถ่ายภาพได้ดีเยี่ยม เป็นกล้องใน iPhone ที่ดีที่สุดในตอนนี้
- ชิป A15 Bionic ให้ประสิทธิภาพที่เร็ว แรง
- รองรับ 5G เชื่อมต่อรวดเร็วทันใจ
- แบตเตอรี่ เล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 22 และ 28 ชั่วโมง
- ทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP68 ทนน้ำลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
- ใช้กระจกหน้าจอแบบ Ceramic Shield ที่แข็งแกร่งกว่าหน้าจอของ iPhone 11 กว่า 4 เท่า
- รองรับการชาร์จไร้สายด้วย MagSafe และอุปกรณ์เสริม MagSafe อื่น ๆ ของ Apple
- มีโหมดกลางคืน ช่วยเรื่องการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี
- มี Deep Fusion ที่กล้องหลัง ช่วยเก็บรายละเอียดของรูปภาพ
- มี HDR อัจฉริยะ 4 ถ่ายภาพสวยงาม ทั้งสี แสง รายละเอียด
- คุณสมบัติการถ่านภาพใหม่ “สไตล์ภาพถ่าย”
- รองรับการถ่ายภาพมาโครที่เลนส์อัลตร้าไวด์
- ถ่ายวิดีโอออกมาได้เหมือนภาพยนตร์ ด้วย Cinematic Mode
- สามารถถ่ายวิดิโอ 4K 60fps ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
- สามารถถ่ายวิดิโอ HDR Dolby Vision 4K 60fps ได้
- รองรับการถ่ายวิดีโอ ProRes 4K 30fps (เฉพาะความจุ 256GB ขึ้นไป)
iPhone 13 Pro / iPhone 13 Pro Max มีให้เลือกทั้งหมด 5 สีด้วยกัน ได้แก่ สีเขียว เงิน ทอง กราไฟต์ และสีเซียร์ร่าบลู
ราคาและความจุของ iPhone 13 Pro
- 128GB ราคา ฿38,900
- 256GB ราคา ฿42,900
- 512GB ราคา ฿50,900
- 1TB ราคา ฿58,900
ราคาและความจุของ iPhone 13 Pro Max
- 128GB ราคา ฿42,900
- 256GB ราคา ฿46,900
- 512GB ราคา ฿54,900
- 1TB ราคา ฿62,900
อ่านรีวิว iPhone 13 Pro เพิ่มเติม ที่นี่
🛒 ลิ้งก์สำหรับการสั่งซื้อ iPhone 13 Pro : apple.com/iphone13pro
หากเลือกรุ่นได้แล้ว ก็อย่าลืมคำนึงถึงความจุด้วย โดยพิจารณาจาก iPhone เครื่องเดิมที่ใช้อยู่ตอนนี้ว่าความจำเพียงพอต่อการใช้งานของเราหรือไม่ เช่นใครชอบถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ มีข้อมูลเยอะ และกะจะใช้งานยาว ๆ ก็แนะนำให้เลือกความจุ 256GB ขึ้นไปค่ะ
ข้อควรรู้
- iPhone ทุกรุ่นที่วางขายในตอนนี้ ไม่แถมอะแดปเตอร์และหูฟังมาให้ จะต้องซื้อแยกเอาเอง แนะนำให้ใช้อะแดปเตอร์ USB-C to Lightning 20W ขึ้นไป