หลายคนอาจจะเคยพบประสบการณ์แบตเตอรี่เหลือน้อยเพียง 1% และสงสัยว่าทำไมแบตเหลือน้อยแค่นี้ แต่ยังสามารถใช้ต่อได้อีกนานกว่าที่คิด เรามาไขข้อสงสัยกัน
iPhone เหลือแบตเตอรี่ 1% แต่ทำไมดูใช้งานได้นาน
ต้องบอกก่อนเลยว่า ความจุของแบตเตอรี่ที่ตีออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์นั้นจริง ๆ แล้ววัดได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากการวัดแบตเตอรี่คงเหลือไม่เหมือนกับการวัดน้ำมันคงเหลือในถังที่สามารถวัดทางกายภาพได้ว่าเหลือเท่าไหร่
แต่การวัดแบตเตอรี่นั้นจะใช้การวัดจากแรงดันไฟฟ้า ซึ่งนำมาใช้ในการคำนวณความจุ ถ้าหากแรงดันแรง แสดงว่าแบตเตอรี่มีค่อนข้างมาก แต่เมื่อแรงดันอ่อนลง แสดงว่าความจุของแบตเตอรี่จะลดลงด้วย
ค่าเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่คงเหลือที่แสดงออกมานั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ค่าคงเหลือของแบตที่วัดได้เป๊ะ ๆ เนื่องจากยังมีตัวแปรอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อตัวเลขเปอร์เซ็นนี้ เช่น ถ้าหาก iPhone ของเราเจอกับอุณหภูมิที่เย็นจัด ก็อาจทำให้ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลงชั่วคราว รวมถึงแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพจากการใช้อุปกรณ์ยาวนานก็ทำให้อายุแบตเตอรี่สั้นลงเช่นกันด้วย
ถึงแม้ว่า Apple รวมถึงบริษัทสมาร์ตโฟนอื่น ๆ จะสร้างอัลกอริทึมที่ซับซ้อนเพื่อคำนวณแบตเตอรี่คงเหลือ แต่ค่าที่ได้นั้นก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบซะทีเดียว ซึ่งความเป็นจริงแล้วเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ที่แสดงมักจะแสดงต่ำกว่าแบตที่คงเหลืออยู่จริง
เราอาจจะเคยสังเกตได้ว่า เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่จาก 100% มาถึง 90% นั้นดูลดลงเร็วกว่าจากแบตเตอรี่ 30% มาถึง 20% ก็เป็นเพราะว่าอัลกอริทึมพบพลังงานหรือแบตเตอรี่มากขึ้นตอนแบตเตอรี่ใกล้หมด จึงทำให้การแสดงเปอร์เซ็นแบตเตอรี่ในช่วงที่เหลือน้อย ๆ ดูลดลงช้ากว่า
จนมาถึงเหตุผลที่ iPhone คงเหลือแบตเตอรี่ 1% แต่ก็ยังคงใช้งานต่อได้นาน เมื่อเทียบกับตอนที่เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่คงเหลือเยอะที่การลดลง 1% นั้นดูลดลงเร็วกว่า นั่นเป็นเพราะว่าอัลกอริทึมประเมินค่าแบตเตอรี่ต่ำเกินจริง โดยแสดงเป็น 1% แต่จริง ๆ แล้วแบตเตอรี่ยังคงเหลือให้ใช้งานอยู่นั่นเอง
ขอบคุณ Apple Explain