หูฟังไร้สาย True Wireless คุณภาพเสียงดี ๆ ราคาประหยัด ที่ใช้งานได้จริง ขอให้เสียงดี เบสแน่นดี เวทีเสียงกว้าง ๆ และคุณภาพไมค์ในการคุยดีด้วยเอาที่ไม่ใช่ AirPods นะมีบ้างไหม? ตอบให้เลยว่า มี!! และมันคือตัวนี้แหละที่คุณกำลังตามหาอยู่ กับเจ้า Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree ตัวนี้ดีจริงไม่หลอกตาแน่นอน ผมขออนุญาตรีวิวให้ชมกันเต็ม ๆ ในบทความนี้
รีวิวหูฟัง Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree เสียงดีมาก เบสดี เวทีเสียงกว้าง ไมค์ชัดแจ๋ว ดีจริงไม่หลอกตา ราคาเบา 1,990 บาท
Disclosure บทความนี้ได้รับการสนับสนุนโดย Xiaomi Youpin แต่เนื้อหาและข้อมูลรีวิวทั้งหมดเป็นประสบการณ์ตรงจากผู้เขียนเองทั้งสิ้น
หูฟังไร้สาย True Wireless ราคาแค่นี้มันจะดีจริง ๆ เหรอ?
นี่เป็นความคิดแรกที่ผมได้เห็นราคาของหูฟัง Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree ซึ่งราคาการเปิดตัวอยู่ที่ 1,990 บาท แต่ช่วงนี้เปิดขายผ่าน Market Place ต่าง ๆ ถูกสุด ๆ เพียง 659 บาทเท่านั้น ก็เลยทำให้ประมาทในความสามารถของหูฟังตัวนี้ไปสักหน่อย
แต่เอาหละ เรื่องราคาผ่านไป ถึงแม้ว่าจะราคาถูกแค่ไหน ถ้าคุณภาพเสียงไม่ดี ผมก็ไม่อยากให้เพื่อน ๆ เสียเงินไปซื้อหรอก แต่ว่า omthing AirFree ตัวนี้ ผมได้ฟังครั้งแรกบอกเลยว่า “ขนลุก” และทึ่งกับเสียงที่ได้ยินจากหูฟังไร้สายตัวนี้ เดี๋ยวจะสรุปให้ได้อ่านกันแบบเข้าใจง่าย ๆ ทั้งนี้ท้ายรีวิวมีคลิปให้ชมด้วยนะครับเผื่อใครชอบดูจะได้เห็นรายละเอียดเพิ่มเติม
หูฟังไร้สาย Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree คุณภาพดี ควรค่าแก่การครอบครอง

อย่างที่ผมเกริ่นไว้ด้านบนที่บอกว่า
หูฟังไร้สาย True Wireless คุณภาพเสียงดี ๆ ราคาประหยัด ที่ว่าใช้งานได้จริง ขอให้เสียงดี เบสแน่นดี เวทีเสียงกว้าง ๆ และคุณภาพไมค์ในการคุยดี
นี่คือ คำนิยามสั้น ๆ ของเจ้า Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree (อ่านว่า เสียวหมี่ วันมอ รุ่น ออมติง แอร์ฟรี) ซึ่งผมได้ทดสอบใช้งานมาและจะมารีวิวให้ชมกันเต็ม ๆ ในบทความนี้
1. ข้อมูลทางเทคนิค

- ชื่อ : omthing AirFree True Wireless In-Ear Headphones
- โมเดลผลิตภัณฑ์ : EOO02BT
- น้ำหนักทั้งกล่อง : 43 กรัม
- น้ำหนักหูฟังแต่ละข้าง : 4 กรัม
- พอร์ตการชาร์จ : Type-C
- Impedance : 32 โอห์ม
- ขนาดของไดร์เวอร์ : 7 mm
- Input: 5V/1A
- Output: 5V / 150 mA
- สัญญาณ Bluetooth: Bluetooth 5.0
- โปรโตคอล Bluetooth: BLE / HSP / HFP / A2DP / AVRCP
- รองรับ Codec : AAC/SBC
- ระยะของ Bluetooth : 10 เมตร (สภาพแวดล้อมโล่งไม่มีสิ่งกีดขวาง)
- ระยะเวลาการชาร์จ: 1.5 ชั่วโมง
- ความจุของกล่องชาร์จแบตเตอรี่: 550 mAh
- ระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จ : 3.5 – 4 ชั่วโมง
- ระยะเวลาใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ : 20 ชั่วโมง
- การทนของเหลว : IPX4
- วัสดุ : พลาสติก
2. อุปกรณ์ที่มีในกล่อง

สิ่งที่มีในกล่องประกอบด้วย
- หูฟัง Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree จำนวน 1 กล่อง
- ซิลิโคนสำหรับเปลี่ยนขนาดจำนวน 3 คู่ (รวมกับที่ติดมากับหูฟังแล้ว)
- สายชาร์จ USB-A to USB-C จำนวน 1 เส้น
- คู่มือการใช้งานมีภาษาอังกฤษแต่ไม่มีภาษาไทย
3. การออกแบบ
วัสดุของหูฟังไร้สายรุ่นนี้ผลิตจากพลาสติกคุณภาพดีมาพร้อมกล่องสีดำด้าน ตัวกล่องมีขนาดเล็กกะทัดรัดพกพาง่าย หากเปรียบเทียบกับ AirPods และ AirPods Pro จะพบว่า Xiaomi 1More omthing AirFree ตัวนี้จะมีขนาดใหญ่ว่าเล็กน้อย (ดูภาพเปรียบเทียบด้านล่าง) ฝาด้านบนพิมพ์โลโก้ omthing เอาไว้ ส่วนพอร์ต USB-C สำหรับการชาร์จจะอยู่ที่ด้านหลัง


หลังเปิดฝาออกจะพบสัญลักษณ์ L (Left ซ้าย) และ R (Right ขวา) เขียนกำกับหูฟังแต่ละข้างเอาไว้ หูฟังเป็นชนิด In-Ear สีดำทั้งเซ็ตและมีการปั้มโลโก้ omthing ไว้ที่ก้านของหูฟังด้วย ช่วยเพิ่มความง่ายในการวางหูฟังกลับเข้าไปยังกล่องชาร์จ

ซิลิโคน Ear Tips มีให้เลือกเปลี่ยนได้ 3 ขนาด คือ เล็ก กลาง ใหญ่ สามารถถอดออกและสวมเข้าไปได้อย่างง่าย ส่วนเรื่องการออกแบบตัวหูฟังนั้นตรงตามหลัก Ergonomist ทำให้หูฟังสวมใส่ได้ง่ายและติดแน่นกับหู ใช้งานไปไม่หลุดง่าย

มีระบบ Touch Control หรือการแตะเพื่อสั่งการได้จากหูฟังทั้ง 2 ข้าง นอกจากนี้ยังมีไมโครโฟนถึง 4 ตัว ที่มาพร้อมระบบการตัดเสียงการสนทนารอบข้างทำให้ช่วยในเรื่องการคุยโทรศัพท์ได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย (ชมข้อมูลเพิ่มเติมในรีวิวข้อ 7)

4. การเชื่อมต่อ

การเชื่อมต่อหูฟัง Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree ทดสอบกับ iPhone และ Mac พบว่าการเชื่อมต่อในครั้งแรกนั้นทำได้ง่ายมากดังนี้ครับ
- เปิดฝากล่องหูฟัง
- หยิบหูฟัง omthing AirFree ออกจากกล่อง
- ไปที่ iPhone หรือสมาร์ตโฟนอื่น ๆ เลือกไปที่การตั้งค่า> Bluetooth
- เลือกเชื่อมต่อ omthing AirFree
- รอสักครู่ระบบจะขึ้นว่าเชื่อมต่อเสร็จแล้ว
เพียงเท่านี้ก็พร้อมใช้งานหูฟังได้ทันที ทั้งนี้การใช้งานนั้นสามารถใช้ฟังทีละข้างได้เช่นกันครับ
5. การควบคุมการใช้งาน

omthing AirFree มาพร้อมระบบสัมผัส (Touch Control) ที่หูฟังทั้ง 2 ข้าง สามารถควบคุมได้ดังนี้
- รับสาย / วางสาย : แท็ป 2 ครั้งที่หูฟังด้านไหนก็ได้
- พักสายสนทนา : แท็ป 2 ครั้งที่หูฟังด้านไหนก็ได้
- เล่นเพลง / หยุดเพลง : แท็ป 2 ครั้งที่หูฟังด้านขวา
- เรียก Siri / Google Assistant : แท็ป 2 ครั้งที่หูฟังด้านซ้าย
สำหรับการเพิ่มลดเสียงและการเปลี่ยนเพลงนั้น omthing AirFree รุ่นนี้ไม่รองรับ เราสามารถเปลี่ยนเพลงผ่านสมาร์ตโฟนของเราแทนนะครับ
นอกจากนี้หูฟัง Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree ยังมีแอปพลิเคชันสำหรับควบคุมด้วย ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพัฒนาประสิทธิภาพ คาดว่าจะอัปเดตให้ได้ใช้งานกันเร็ว ๆ นี้ แอปนี้จะช่วยให้ปรับแต่งหูฟังได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
6. การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น, การรีเซต

สำหรับใครที่มีอุปกรณ์มากกว่า 1 ตัว เช่น สมาร์ตโฟน 1 เครื่องและคอมพิวเตอร์ หากต้องการนำ omthing AirFree สลับจากสมาร์ตโฟนไปใช้กับคอมพิวเตอร์ทำได้โดย
- เปิดฝากล่อง omthing AirFree โดยให้หูฟังยังคงอยู่ในกล่อง
- แตะค้างที่หูฟังทั้ง 2 ข้างประมาณ 5-6 วินาที จนเห็นไฟ LED สีขาวกะพริบรัว ๆ และเปลี่ยนเป็นไฟสีขาวค้างจึงปล่อยมือ
- จากนั้นไปที่อุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อ เพื่อทำการเชื่อมต่อตามข้อที่ 4
การทำเช่นนี้จะช่วยให้หูฟังนี้สามารถใช้กับอุปกรณ์อื่นได้ แต่หากต้องการกลับมาใช้กับอุปกรณ์เดิม ก็ต้องเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง เพราะว่าหูฟังนี้ไม่รองรับการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ (หูฟังไร้สายส่วนมากเป็นเช่นนี้ คือ เชื่อมต่อได้ทีละอุปกรณ์)
7. คุณภาพของเสียงและประสบการณ์การใช้งานโดยภาพรวม
มาถึงหัวข้อสำคัญของการรีวิวคุณภาพเสียงและการใช้งาน Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree ที่หลาย ๆ คนอยากจะทราบว่าคุณภาพของเสียงจากหูฟังไร้สายตัวนี้จะดีขนาดไหน
7.1 หูฟังแบบ In-Ear ตัดเสียงด้วยซิลิโคน

omthing AirFree เป็นหูฟังแบบ In-Ear การสวมใส่ทำได้ง่ายปรับง่าย อยู่แน่น ไม่หลุดง่าย ใส่วิ่งออกกำลังกายได้ไม่หลุด สามารถตัดเสียงรอบ ๆ ได้เยอะพอสมควร การตัดเสียงนั้นใช้ประโยชน์จากซิลิโคน Ear Tips ซึ่งหูฟังรุ่นนี้ไม่มี ANC (Active Noise Concellation) แบบที่เหมือนกับหูฟังตัวแพงนะครับ แต่ภาพรวมหากถามว่าตัดเสียงได้ไหมก็ต้องบอกว่าทำได้ดีอยู่ครับ ตอนที่พิมพ์รีวิวนี้ก็ใส่หูฟังนี้ผมยังพอได้ยินเสียงคีย์บอร์ดบ้าง แต่หากเปิดเพลงฟังให้เสียงระดับ 40-50% ก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงรอบข้างเลย
7.2 คุณภาพเสียง

คุณภาพเสียงผมกล้าพูดได้เลยว่า omthing AirFree เสียงอยู่ในระดับดีและเกินค่าตัวมาก ๆ ถ้าให้ลองเทียบกับ AirPods Pro นั้นถือว่าทำได้ใกล้เคียงเลยครับ ส่วนถ้าเทียบกับ AirPods 2 หากเน้นการฟังเพลง ดูหนัง ผมบอกเลยว่าผมเลือกหยิบ omthing AirFree มาใช้งานแทนแน่นอนครับ
เสียงเบสจัดได้ว่ากลาง ๆ ไปถึงลึกในระดับที่ฟังเพลงมัน ๆ ได้ถึงอารมณ์เบส เสียงกลางฟังสบาย ๆ ได้ยินเสียงนักร้องชัดเจน และส่วนของเวทีเสียงหรือว่า Sound Stage นั้น ทำได้ค่อนข้างดีมากครับ เวทีเสียงกว้าง แยกเสียงหูฟังซ้ายขวาได้ชัด หากลองเปิดเพลงอย่าง Strive (Binaural) แล้วจะทำให้รู้เลยว่าเสียงที่ฟังนั้นมาจากทางไหนประหนึ่งเหมือนว่าเรากำลังนั่งชมคอนเสิร์ตเลย ไม่น่าเชื่อว่าหูฟังราคาเท่านี้สามารถให้พลังเสียงได้ดีมากขนาดนี้
7.3 คุณภาพไมโครโฟน

omthing AirFree มีไมโครโฟนให้ทั้งหมด 4 ตัว (ข้างละ 2 ตัว) มาพร้อมระบบการตัดเสียง (Environtment Noise Cancellation) จากการทดสอบคุยสนทนาผ่านแอป LINE ด้วยการโทรผ่านเสียงพบว่า คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ผู้คุยสายคนแรกคิดว่าใช้ AirPods ในการคุย เพราะเสียงที่ได้นั้นชัดเจนมากซึ่งหากเทียบกับหูฟังไร้สายอื่น ๆ พบว่าคุณภาพไมโครโฟนของ omthing AirFree นั้นทำได้ดีมาก ใกล้เคียงกับฝั่ง AirPods ที่มาตรฐานเรื่องไมโครโฟนนั้นสำหรับการสนทนานั้นดีอยู่แล้ว
ส่วนผู้รับสายที่ 2 นั้น ถ้าไม่บอกใช้หูฟังรุ่นอื่นก็แยกเสียงไม่ค่อยออกกับ AirPods เช่นกัน พอผมบอกไปว่าใช้หูฟัง omthing AirFree ไป ฝั่งปลายสายบอกว่าเสียงชัดดี ชัดมากกว่าหูฟังตัวอื่น ๆ ที่เคยทดสอบกัน ซึ่งเป็นการยืนยันได้ค่อนข้างชัดเจนว่าคุณภาพไมโครโฟนจากหูฟังไร้สายรุ่นนี้ถือว่าทำได้ในระดับดี
ถ้าคะแนนไมโครโฟนของ AirPods เต็ม 10 ผมจะให้ omthing AirFree ที่ระดับ 8.5 ซึ่งถือว่าทำได้ดีและใกล้เคียง AirPods มากแต่ก็ยังสู้ไม่ได้ ส่วนหากเทียบกับหูฟังไร้สายตัวอื่น ๆ แล้ว เรื่องคุยสายโทรศัพท์ omthing AirFree ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
7.4 แบตเตอรี่

หลังจากชาร์จเต็มสามารถใช้หูฟังได้ 3.5-4 ชม. ซึ่งเทียบเท่ากับ AirPods 2 ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของหูฟังไร้สาย True Wireless และหากใช้งานร่วมกับกล่องชาร์จจะสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 20 ชั่วโมง ถามว่าเพียงพอแต่การใช้งาน 1 วันไหมต้องบอกเลยว่าเกินพอครับ ส่วนการแสดงระดับของแบตเตอรี่นั้นหูฟังตัวนี้สามารถแสดงผลผ่าน Widget ของ iOS ได้ เพิ่มความสะดวกในการดูระดับแบตเตอรี่ได้ง่ายขึ้น ส่วนกล่องของหูฟังไม่สามารถดูแบตเตอรี่ที่เหลือได้
7.5 การดีเลย์
อีกจุดที่ต้องพิจารณาก็คือเรื่องการใช้งานกับอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วดีเลย์หรือว่าหน่วงไหม สำหรับการทดสอบนั้นผมใช้ควบคู่กับการตัดต่อวิดีโอผ่านแอป Final Cut Pro บนเครื่อง Mac Pro พบว่าหูฟัง omthing AirFree นั้นไม่พบอาการดีเลย์แต่อย่างใด ปากกับเสียงมาตรงกัน ถือว่าทำได้ดีครับ ส่วนการใช้ดูคลิปผ่าน YouTube, Netflix พบว่าภาพและเสียงมาตรงกันไม่มีปัญหา
8. ข้อดีและข้อด้อย

เห็นภาพรวมการใช้งานของหูฟังกันไปทั้งหมดแล้วต่อไปมาสรุปข้อดีข้อด้อยรวมไว้ให้เพื่อประกอบการพิจารณา
ข้อดี
- เสียงดีมาก เสียงมีมิติ เบสลึก เวทีเสียงกว้างชัดเจน คุณภาพเสียงเกินราคาค่าตัวมาก ๆ จุดนี้กล้าพูดเพราะเทียบจากประสบการณ์จากการใช้หูฟังหลาย ๆ ตัว ในระดับผู้ใช้งานทั่วไปผมขอบอกว่า omthing AirFree เสียงดีจริงไม่หลอกตา
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานตามมาตรฐาน 3.5-4 ชั่วโมง หากใช้ร่วมกับกล่องชาร์จก็อยู่ได้วันหนึ่งวันเต็ม ๆ แถมชาร์จไฟจากแบตเตอรี่สำรองผ่าน USB-C ได้ด้วย
- ราคาเข้าถึงได้ง่ายมาก คุณภาพคับแก้วเกินราคาจริง ๆ
- มาพร้อมระบบสัมผัส Touch Control
- รองรับเรียกใช้งาน Voice Assistant
- กันของเหลว IPX4 เทียบเท่า AirPods Pro สามารถใช้ออกกำลังกายโดนเหงื่อเยอะ ๆ หรือทนฝนตกได้
- การเขื่อมต่อครั้งแรกทำง่าย ใช้ครั้งต่อๆ มาก็ง่ายเพียงแกะออกจากกล่องแล้วใส่เข้าที่หูระบบจะเชื่อมต่อเอง
- มี Auto Power on/off หลังจากไม่ได้ใช้งานเมื่อเก็บเข้ากล่อง
- สวมใส่ง่าย กระชับ ไม่หลุดง่าย มี Ear Tips ให้เปลี่ยน
- เสียงไม่ดีเลย์
- แสดงระดับแบตเตอรี่ผ่าน Widget บน iOS
ข้อด้อย
- ไม่มีเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ เพลงไม่หยุดเล่นถ้าหากถอดหูฟังออก
- ปรับระดับเสียงผ่านหูฟังไม่ได้
- ไม่รองรับการชาร์จไร้สาย
- เปลี่ยนเพลงไม่ได้ ต้องทำผ่านตัวเครื่องหรือสั่งผ่าน Siri
- ระบบ Touch Control ยังสั่งการได้ไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่ จะสะดวกกว่าเมื่อสั่งการผ่านแอปบนสมาร์ตโฟน
- สามารถใช้งานได้ทีละอุปกรณ์ ไม่สามารถสำหรับอุปกรณ์ใหม่ได้ ต้องทำการเชื่อมต่ออุปกรณ์ใหม่เท่านั้น
9. สรุป

ภาพรวมสำหรับหูฟัง Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree ส่วนที่ประทับใจที่สุดก็คือเรื่องของคุณภาพเสียงถือว่าทำได้ดีมาก ๆ เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวเท่านี้ ส่วนคุณภาพของไมโครโฟนนั้นก็ต้องยกนิ้วให้เลย ทำให้การคุยโทรศัพท์สบายเลย เพราะเสียงดีจริงแถมมีระบบตัดเสียงรอบข้างได้ด้วย ทำให้ปลายสายได้ยินเสียงเราอย่างชัดเจน
จุดอื่น ๆ นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องความง่ายในการใช้งาน อย่างเรื่องของการเชื่อมต่อที่ทำได้ง่ายไม่ต้องปวดหัว และการใช้งานครั้งต่อ ๆ ไปทำได้ง่ายดีครับ สะดวกพอ ๆ กับ AirPods เพียงแค่ไม่สู้เรื่องการสลับไปใช้กับอุปกรณ์อื่น ๆ
โดยรวมผมว่า omthing AirFree เหมาะมากสำหรับผู้ใช้คนไหนที่อยากได้ประสบการณ์จากหูฟังไร้สาย True Wireless โดยราคาค่าตัวนั้นถือว่าเข้าถึงได้ง่ายมาก ๆ ครั้งแรกผมเห็นราคาแล้วยังตกใจเลย แต่พอได้สัมผัสได้จับและลองใช้งานทั้งเรื่องดีไซน์ก็ดูดีนะ แต่ที่สำคัญคือคุณภาพเสียงนั้นต้องบอกเลยว่า มันดีมาก ๆ
บางคนอาจจะคิดว่าผมรีวิวเวอร์ไป ทำไมหูฟังราคาเท่านี้ ถึงจะคุณภาพดีอะไรเพียงนั้น!!
ไม่ต้องเชื่อผมมากก็ได้ครับ แต่ถ้าคุณมีโอกาสได้ลองสัมผัสและใช้งานหูฟังตัวนี้ดู ผมอยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะคิดแบบเดียวกับผมไหม แต่ผมกล้าบอกได้เลยว่า ถ้าคุณได้ลอง Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree ตัวนี้แล้ว คุณจะไม่ผิดหวังกับคุณภาพเสียงที่ได้แม้แต่น้อย
10. ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย

หูฟังไร้สาย Xiaomi 1More รุ่น omthing AirFree แบบ True Wireless ราคาเปิดตัวปกติอยู่ที่ 1,990 บาท แต่เดี๋ยวก่อน ช่วงเปิดตัวนี้มีโปรโมชันลดสะท้านฟ้าท้า COVID-19 มาก ๆ ทาง Xiaomi Youpin จัดโปรในราคาพิเศษสุด ๆ เริ่มต้นเพียง 659 บาทเท่านั้น
ช่องทางการสั่งซื้อเลือกได้ที่
- Lazada: https://cutt.ly/gs1euSN
- JD Central : https://cutt.ly/msM68eU
- Shopee: https://cutt.ly/JsM6PHi
เลือกช็อปตามสะดวกได้เลยนะครับ
หวังว่าใครที่ช็อปไปแล้วหรือว่าใครมีหูฟังรุ่นนี้อยู่มาแชร์ประสบการณ์ที่ได้จากหูฟังนี้ไปด้วยกันนะครับ ผมรอฟังความเห็นอยู่
ขอบคุณสำหรับการติดตาม
ผมต้อม iMoD ขอลาไปก่อน
สวัสดีครับ